ดูดไขมัน

ดูดไขมัน

ในยุคสมัยนี้ สาว ๆ มักมีความกดดันและวิตกกังวลเกี่ยวกับรูปร่างของตัวเอง  ใคร ๆ ก็อยากสวย หุ่นดี สัดส่วนกลมกลึงเป็นนาฬิกาทราย เอวต้องคอด ขาเรียวสวย ใส่บิกินนี่อวดหุ่นได้อย่างมั่นใจ ซึ่งยังมีบางตำแหน่งที่ไม่สามารถลดสัดส่วนได้นั่นก็เพราะว่า เซลล์ไขมัน ของแต่ละคนจะมีการสะสมในแต่ละตำแหน่งไม่เหมือนกัน  เช่น บริเวณต้นแขน ต้นขา หรือหน้าท้องอย่างเดียว ทั้งนี้ ขึ้นกับพันธุกรรมซึ่งไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ นอกจากนี้บางคนไขมันในบริเวณนั้นน้อยลงแล้วจากการออกกำลังกาย หรือลดน้ำหนัก แต่ก็มักจะกลับมาอ้วนในตำแหน่งนั้นอีก เพราะว่า เมื่อผอมลง จำนวนเซลล์ไขมันไม่ได้ลดลง แต่เพียงแค่ลดขนาดลงเท่านั้น การผ่าตัดดูดไขมัน ซึ่งเป็นการทำลายเซลล์ไขมัน จึงเป็นวิธีที่จะทำให้ไขมันในตำแหน่งนั้นลดลงได้อย่างถาวร 

ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ต้องการมีรูปร่างที่สวยงาม แต่พยายามมาแล้วทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นการควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย หรือผ่านคอร์สลดน้ำหนักมามากมาย ก็ยังไม่ได้ผลรับที่น่าพอใจ ปัจจุบัน การรักษาด้วยการ “ดูดไขมัน”ถือว่าเป็นวิธีมาตรฐานที่มีความปลอดภัย เห็นผลชัดเจน ที่จะช่วยให้คุณมีรูปที่สวยงามได้อย่างต้องการ

การดูดไขมัน (Liposuction) 

เป็นกระบวนการศัลยกรรมเพื่อความงามรูปแบบหนึ่ง ที่ช่วยกำจัดปัญหาไขมันส่วนเกิน ได้อย่างตรงจุด เช่นไขมันสะสมบริเวณหน้าท้อง  ต้นแขน ต้นขา เอว หรือเหนียง เป็นต้น การดูดไขมัน ยังนับว่าเป็นทางลัดในการลดสัดส่วนรูปแบบหนึ่ง ที่มีความปลอดภัย และเห็นผลชัดเจนมากหลังทำ เสริมสร้างบุคลิกภาพ เพิ่มความมั่นใจในการแต่งตัว   แม้การดูดไขมันจะทำให้มีสัดส่วนที่เล็กลง และมีรูปร่างที่ผอมลง แต่ก็ไม่ใช่การลดน้ำหนักอย่างที่หลาย ๆ คนคิด

 ในปัจจุบันการดูดไขมันมีความเสี่ยงน้อยมากเพราะมีการพัฒนามาอย่างต่อเนือง การดูดไขมันส่วนเกินคือการใช้เครื่องมือที่มีลักษณะคล้ายท่อยาวใส่เข้าไปใต้ผิวหนังเพื่อดูดไขมันส่วนเกินออกมาจากบริเวณต่าง ๆ ได้แก่ หน้าท้อง สะโพก ต้นขา ต้นแขน คอ ก้น เป็นต้น ทำให้ลดจำนวนไขมันบริเวณส่วนต่าง ๆ ที่สะสมเฉพาะส่วนลดลงได้ แต่การดูดไขมันไม่สามารถแก้ปัญหาผิวเปลือกส้มจากเซลลูไลท์ได้ และสิ่งที่ต้องรู้คือการดูดไขมันไม่สามารถดูดปริมาณมาก ๆ ในครั้งเดียวกัน เพราะอาจมีความเสี่ยงในการเสียเลือดมาก ซึ่งศัลยแพทย์จะให้การรักษาและคำแนะนำอย่างใกล้ชิด

เมื่อดูดไขมันแล้วควบคุมอาหารเพื่อลดการเพิ่มไขมันสะสมและจะต้องออกกำลังกายให้กล้ามเนื้อกระชับทำให้รักษาผลลัพธ์ที่ได้ให้นานที่สุด สิ่งที่ต้องรู้คือ การดูดไขมันจะได้ผลดีในกรณีที่ไม่มีผิวหนังหย่อนคล้อย การดูดไขมัน (Liposuction) นับเป็นเทคนิคการศัลยกรรมประเภทหนึ่งเพื่อนำไขมันส่วนเกินออกจากร่างกาย และการดูดไขมันมีเพียงเทคนิคเดียวในการทำ คือการทำให้ไขมันหลวมเพื่อดูดไขมันออกจากร่างกายได้ง่ายขึ้น แต่วิธีการทำให้ไขมันหลวมต่างหากที่หลากหลาย โดยมีทั้งหมด 5 วิธีดังต่อไปนี้ 

Liposuction

5 วิธีการดูดไขมันด้วยวิธีที่ปลอดภัย

1.การดูดไขมันด้วยวิธี Vaser ดูดไขมัน (Vaser Liposuction) 

ปลอดภัยมาตรฐานโรงพยาบาล โดยทีมศัลยแพทย์ตกแต่งและวิสัญญีแพทย์ เจ็บน้อย ฟื้นตัวเร็ว การดูดเอาไขมันออกไปนั้นเป็นวิธีการหนึ่งที่ช่วยให้รูปร่างดูดีขึ้น ช่วยแก้ไขปัญหาสำหรับคนที่มีไขมันส่วนเกิน ต้องการลดสัดส่วนเฉพาะจุด ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก เพราะเป็นการสลายไขมันส่วนเกินที่มีอยู่ในร่างกายบริเวณจุดต่าง ๆ ออกไปทำให้รูปร่างมีสัดส่วนมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ดูดไขมันต้นแขน ดูดไขมันต้นขา ดูดไขมันน่อง ดูดไขมันหน้าท้อง

จะเป็นการดูดไขมันโดยการใช้เทคโนโลยีที่ปล่อยพลังงานคลื่นเสียง Ultrasound เข้าไปทำปฏิกิริยากับไขมัน ทำให้ไขมันกลายเป็นของเหลว จากนั้นจึงดูดไขมันออกมา

2.การดูดไขมันด้วยวิธี Body tite

Body Tite คือ การดูดไขมันด้วยวิธีนี้จะใช้เทคโนโลยีพลังงาน RF (Radio Frequency) ยิงเข้าสลายไขมันให้กลายเป็นของเหลวแล้วจึงทำการดูดไขมันออกมา เป็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุดที่ใช้คลื่นความถี่วิทยุ ในการสลายไขมัน ดูดไขมัน พร้อมยกกระชับผิว ซึ่งในปัจจุบันเป็นที่ยอมรับอย่างมาก เพราะนอกจากจะทำการสลายไขมันพร้อมการดูดไขมัน ภายในครั้งแรกที่ทำ ยังช่วยให้กระชับเนื้อผิวที่หย่อนคล้อยได้ ยังกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และการหดตัวของกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อชั้นบางๆ ที่อยู่ในผิวหนังทำให้กระชับขึ้น ไม่หย่อนคล้อย มีรูปร่างได้สัดส่วนมากยิ่งขึ้น ข้อดีของการดูดไขมัน Body Tite หลังทำการรักษาไม่จำเป็นต้องพักฟื้น แผลมีขนาดเล็ก เนื่องจากเครื่องมือมีขนาดเล็ก ลดอาการเจ็บและการบวมช้ำ จากการดูดไขมัน กระชับผิวเรียบเนียนได้โดยไม่เกิดปัญหาผิวเป็นคลื่นหลังการทำ

3.การดูดไขมันด้วยวิธี Water  Jet 

นับว่าเป็นนวัตกรรมการดูดไขมันที่มีความก้าวล้ำในด้านเทคโนโลยี มีประสิทธิภาพสูง ทำให้การดูดไขมัน กลายเป็นเรื่องง่าย ๆ  ไม่จำเป็นต้องวางยาสลบ ใช้เพียงการให้ยาชาเฉพาะที่ แผลเล็ก การดูดมีความนุ่มนวล ด้วยพลังน้ำที่มีความอ่อนโยน แต่มีประสิทธิภาพสูงในการแยกไขมันออกจากเนื้อเยื่อส่วนต่างๆ ทำให้เนื้อเยื่อผิวหนังไม่ได้รับความบอบช้ำใดๆ สามารถเอาไขมันออกมาได้เป็นจำนวนมาก เจ็บน้อย ฟื้นตัวเร็ว ไม่เกิดพังผืด ทำให้ผิวเรียบเนียนหลังการดูด  นอกจากนี้ไขมันที่ถูกแยกออกจากเนื้อเยื่อยังเป็นแหล่งสำคัญของสเต็มเซลล์คุณภาพสูง พลังน้ำที่อ่อนโยนทำให้เซลล์ไขมันยังคงมีชีวิต และเต็มไปด้วยสเต็มเซลล์ที่มีคุณค่าอย่างมหาศาล 

4.การดูดไขมันด้วยวิธี เลเซอร์ 

วิธีนี้จะใช้เลเซอร์ในการสลายเซลล์ไขมัน โดยจะเป็นการดูดไขมันกึ่งผ่าตัด คือยิงเลเซอร์เข้าไปก่อน หลังจากนั้นจึงดูดไขมันออกมา การดูดไขมันด้วยเลเซอร์ (Laser Diode Liposuction หรือ Laser-Assisted Liposuction) คือการนำเทคโนโลยีเลเซอร์ เข้ามาช่วยสลายไขมัน แต่พลังงานเลเซอร์จะผลิตความร้อนได้ค่อนข้างน้อย ที่ระดับอุณหภูมิ 40-60°C จึงทำให้ใช้เวลาในการดูดไขมันนาน แถมดูดไขมันได้น้อย เห็นผลช้า จึงไม่เป็นที่นิยมแล้วในปัจจุบัน ซึ่งข้อดีของการดูดไขมันเลเซอร์คือมีความปลอดภัยสูง  

5.การดูดไขมันด้วยวิธี Pal Microaire PAL 

เป็นการใช้วิธีการดูดไขมันโดยการสั่นสะเทือนเพื่อนำไขมันออกมาจากร่างกาย เป็นวิธีที่ไม่ใช้ความร้อน ไม่เจ็บ ไม่เสี่ยงผิวไหม้ เพิ่มประสิทธิภาพการดูดไขมันได้ดีมากยิ่งขึ้นเพราะความถี่ในการสั่นจะช่วยให้ดูดไขมันได้ในปริมาณที่มาก รวมถึงรอยฟกช้ำน้อย Microaire PAL ใช้เวลาน้อย ดูดได้ในปริมาณมาก แผลเล็ก หลังทำสามารถกลับบ้านได้ทันที สามารถดูดไขมันซ้ำได้ในบริเวณที่เคยดูดไขมันมาก่อน ลดการบาดเจ็บและลดการบอบช้ำของเนื้อเยื่อจากการเสียดสีขณะดูดไขมัน

ข้อห้ามในการดูดไขมัน

การนำไขมันออก เป็นหนึ่งในกระบวนการผ่าตัด ที่มาพร้อมกับความเสี่ยง ซึ่งผู้เข้ารับการทำต้องเป็นผู้ที่มีสุขภาพดี โดยที่อย่างน้อยต้องมีน้ำหนักตัว ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ตั้งไว้ มีผิวหนังที่เด้งกระชับ ไม่สูบบุหรี่ นอกจากนั้น แพทย์จะไม่แนะนำให้ทำ หากมีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพ เช่น การไหลเวียนโลหิต โรคหัวใจ โรคเบาหวาน หรือภูมิคุ้มกันบกพร่อง

Fat_removal

การเตรียมตัวก่อนการผ่าตัด 

1.แจ้งข้อมูลโรคประจำตัว ยาโรคประจำตัว   ประวัติการผ่าตัด  ประวัติการแพ้ยา  ประวัติการแพ้อาหาร 

2.ผู้ป่วยที่ได้รับยาละลายลิ่มเลือด และยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด หรือยาโรคประจำตัวอื่น ๆ ควรปรึกษาแพทย์ก่อน

 3.งดทานวิตามินอาหารเสริมต่าง ๆ ทุกชนิด อย่างน้อย 1 เดือน เช่น วิตามินอี, น้ำมันปลา, ใบแปะก๊วย เมล็ดองุ่น โสม ฯลฯ 

4.ควรสระผมให้สะอาดเรียบร้อย งดใส่คอนแทคเลนส์ และไม่แต่งหน้าในวันผ่าตัด 

5.งดใส่เครื่องประดับทุกชนิด เช่น ต่างหู สร้อย แหวน จิลต่าง ๆ บนร่างกายในวันผ่าตัด 

6.งดสูบบุหรี่อย่างน้อย 4 สัปดาห์ก่อนและหลังผ่าตัด เนื่องจากสารที่อยู่ในบุหรี่มีผลลดปริมาณออกซิเจนในเลือดและทำลายเซลล์ที่จะซ่อมแซมการหายของแผล มี

 7.งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 1-2 วันก่อนผ่าตัด และต่อเนื่องอย่างน้อย 1 สัปดาห์หลังผ่าตัด

8.ทำความสะอาดเล็บมือเล็บเท้าให้สะอาด งดการทาเล็บมือ  เล็บเท้า และงดการต่อเล็บทุกชนิด

9.เตรียมภาวะจิตใจให้พร้อม ไม่ควรตื่นเต้นมากเกินไป หลังผ่าตัดย่อมเกิดการบวมช้ำบริเวณแผล และการเปลี่ยนแปลงของบริเวณร่างกายที่ทำการผ่าตัด ซึ่งต้องใช้เวลาในการหายของแผล

การดูแลตัวเองหลังดูดไขมัน

การดูดไขมันถือเป็นการผ่าตัดศัลยกรรมประเภทหนึ่ง ดังนั้นจึงต้องมีการดูแลตัวเองอย่างเคร่งครัด เพื่อผลลัพธ์การรักษาที่มีประสิทธิภาพและน่าพึงพอใจมากที่สุด

1.มีอาการบวมเขียวช้ำได้ประมาณ 2-4 สัปดาห์ แต่จะไม่ส่งผลกับการใช้ชีวิตประจำวัน ให้รับประทานยาติดต่อกันตามแพทย์สั่ง ถ้ามีอาการปวดสามารถรับประทานยาแก้ปวดได้

2.งดการอาบน้ำในวันแรกหลังทำ แต่สามารถอาบได้ในวันถัดไป โดยให้ปิดพลาสเตอร์กันน้ำในบริเวณที่ผ่านการดูดไขมันอย่างมิดชิด

3.ใส่ชุดกระชับตลอด 24 ชม. ในช่วง 1 เดือนแรก เพื่อป้องกันการเกิดก้อน ผิวไม่เรียบในบริเวณที่ดูดไขมัน

4.งดกิจกรรมหนัก เพื่อป้องกันแผลเปิด แต่หลังจาก 2-4 สัปดาห์ไปแล้ว สามารถออกกำลังกายได้ตามปกติ

5.งดทานของเค็ม และแอลกอฮอล์ รวมถึงของหมักดองเพื่อไม่ให้แผลหายช้า และควรมีการควบคุมอาหาร ออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ เพื่อดูแลไม่ให้ไขมันกลับมา

6.หากมีอาการผิดปกติให้ปรึกษาแพทย์ทันที

บริเวณที่นิยมดูดไขมัน

การดูดไขมัน

การดูดไขมันบางส่วนของร่างกายมีความเสี่ยงสูง จะไม่ทำในบริเวณที่มีเส้นประสาทมาก อย่างเช่น ใบหน้าเพราะถ้าเกิดข้อผิดพลาดใบหน้าจะผิดรูปได้ การดูดไขมันจะช่วยจัดการปัญหาเรื่องไขมันสะสมเฉพาะส่วน ช่วยกระชับสัดส่วนให้รูปร่างดูดีขึ้น บริเวณที่นิยมดูดไขมัน มีดังต่อไปนี้

1.ดูดไขมันหน้าท้อง เป็นบริเวณที่มีไขมันสะสมเป็นจำนวนมาก เป็นบริเวณที่นิยมทำการดูดไขมันหน้าท้องเพื่อลดขนาด เพื่อให้สัดส่วนดูดียิ่งขึ้น

2.ดูดไขมันต้นแขน ใต้ท้องแขน ลดปัญหาไขมันสะสมเฉพาะบริเวณ ช่วยจัดการปัญหาแขนใหญ่แขนย้วยได้อย่างเฉพาะเจาะจง 

3.ดูดไขมันต้นขา เพราะต้นขาเป็นบริเวณไขมันสะสมขนาดใหญ่ที่กำจัดได้ยาก ซึ่งการดูดไขมันจะช่วยลดขนาดต้นขาลงได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังสามารถทำการดูดไขมันรอบขาได้ เพื่อให้มีขาเรียวเล็กสมส่วน

4.ดูดไขมันคางหรือเหนียง เป็นบริเวณที่การลดน้ำหนักก็ยังไม่สามารถลดไขมันใต้คางออกไปได้ การดูดไขมันจะช่วยจัดการปัญหาคางหนาเหนียงใหญ่ได้อย่างเฉพาะจุด

5.ดูดไขมันสะโพก บางคนมีปัญหาไขมันสะสมเฉพาะส่วนสะโพก ทำให้สะโพกใหญ่เกินรูปร่าง สะโพกใหญ่เด่นชัด การดูดไขมันจะช่วยให้สะโพก ก้น เล็กลงอย่างเหมาะสม

6.ดูดไขมันเอว สาวๆ หลายคนต้องการมีเอว S การดูดไขมันเฉพาะส่วนเอวก็ช่วยสร้างความเว้าให้เห็นเอวชัดขึ้น

7.ดูดไขมันบริเวณปีกนางฟ้า หรือบริเวณปีกด้านหลังที่มีไขมันล้นเสื้อชั้นในออกมา รวมถึงบริเวณใต้รักแร้ที่มีก้อนเนื้อปลิ้นออกมา การดูดไขมันก็สามารถช่วยจัดการปัญหาในจุดเล็กๆ ได้

8.ดูดไขมันหน้าอก ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นปัญหาของผู้ชายที่มีเต้านมที่โต 

การดูดไขมันไม่ใช่การลดน้ำหนัก แต่เป็นการแก้ปัญหาไขมันส่วนเกินเฉพาะจุด สาวๆคนไหนอยากมีหุ่นเพียว สมส่วนก็สามารถลดน้ำหนัก(คุมอาหารและออกกำลังกาย)และดูดไขมันไปด้วยกัน ผลที่ได้จะเป็นที่น่าพอใจมาก ๆ สามารถศึกษาหาข้อมูลข้อดี ข้อเสียก่อนตัดสินใจ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

Back To Top