ผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงสุด   

อาหารที่มีวิตามิน

สุขภาพดีไม่มีขาย อยากได้ต้องทำเอง เป็นจริงดังคำกล่าว  การจะมีสุขภาพดีนั้นต้องรู้จักเลือกอาหารสำหรับรับประทาน ควบคุมอาหาร และออกกำลังกายควบคู่ การเลือกรับประทานอาหารให้ครบ 5  หมู่จะส่งเสริมทั้งสุขภาพและผิวพรรณด้วย โดยเฉพาะวิตามินซี มีผลดีให้ผิวสวยกระจ่างใส สุขภาพแข็งแรง  ขับถ่ายดี

วิตามินซี หรือชื่อเต็มว่ากรดแอสคอบิค (Ascobic Acid) เป็นวิตามินที่ร่างกายมนุษย์ไม่สามารถสังเคราะห์ได้เอง แต่มีความสำคัญอย่างมากกับระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย โดยเฉพาะกับผิวพรรณซึ่งเป็นของคู่กันทำให้ผิวพรรณดีขึ้น และความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระที่ร่างกายได้รับจากกระบวนการสันดาปของร่างกายและจากมลพิษต่างๆ ที่จะส่งผลให้เซลล์ในร่างกายเสื่อมสภาพ ชะลอริ้วรอยและความแก่ชรา ส่งผลให้มีผิวพรรณเรียบเนียน กระจ่างใส สุขภาพดีขึ้นได้ แหล่งวิตามินซีใกล้ตัวที่เราสามารถพบได้คือผักและผลไม้ และการสังเคราะห์

นอกจากประโยชน์ในเรื่องของการดูแลผิวให้สวย เปล่งปลั่ง ด้วยผักผลไม้วิตามินซีสูง วิตามินซียังมีส่วนช่วยในการป้องกันหวัด ส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย และยังช่วยในเรื่องของการป้องกันโรคอื่นๆ เช่น โรคภูมิแพ้ โรคเลือดออกตามไรฟัน โรคที่มาจากการติดเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย เส้นเลือดอุดตันในหลอดลม เป็นต้น 

หากร่างกายได้รับวิตามินซีไม่เพียงพอจะก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมา เช่น ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายลดต่ำลง และทำให้ติดเชื้อไวรัสและแบคทีเรียได้ง่าย มีปัญหาเลือดออกตามไรฟัน เสี่ยงเป็นเป็นโรคลักปิดลักเปิด เป็นต้น

ผักและผลที่มีวิตามินซีสูง

ผลไม้วิตามินซี

1. พริกหวาน มีวิตามินซี 80.4 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม พริกหวานซึ่งสามารถกินได้ทั้งแบบสดๆ และปรุงสุกในเมนูอาหาร โดยปกติแล้วจะมีสีเขียว ในปัจจุบันมีการปรับปรุงพันธุ์ขึ้นใหม่หลากหลาย ทำให้พริกหวานมีทั้งสีแดง สีเหลือง สีม่วง ที่เต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เบต้าแคโรทีน วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 เหล็ก โพแทสเซียม และวิตามินซี

2. บร็อคโคลี มีวิตามินซี 89.2 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม  ผักชนิดนี้มีดอกสีเขียวอุดมไปด้วยคุณค่าทางอาหารหลายชนิดไม่ว่าจะวิตามินหรือแร่ธาตุต่าง ๆ ซึ่งพบได้ทั้งส่วนดอกและลำต้น การกินควรกินทั้งส่วนดอกและลำต้นร่วมกันจะช่วยต้านโรคมะเร็งได้ บร็อคโคลีเป็นผักที่ไม่ควรนำไปปรุงอาหารด้วยความร้อนที่นานเกินไปเพราะจะทำให้เสียวิตามินโดยเฉพาะ วิตามินซีและคุณค่าทางอาหาร

3.ผักคะน้า มีวิตามินซี 147 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม  ผักคะน้าสามารถรับประทานได้ตั้งแต่ยังมีขนาดเล็กจนกระทั่งออกดอก ทั้งต้นและใบ มีคุณสมบัติที่ช่วยต้านการเกิดมะเร็ง ช่วยให้เซลล์ทำงานได้ดีและกำจัดสารพิษในร่างกาย ผักคะน้าสามารถนำไปประกอบอาหารได้หลายชนิดจึงเป็นที่นิยมบริโภคกันอย่างแพร่หลาย

3.ผักปวยเล้ง  มีวิตามินซี 120 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม  ผักปวยเล้งอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ อย่าง วิตามินซี เหล็ก แคลเซียม โพแทสเซียม และยังมีกรดโฟลิกที่เป็นส่วนประกอบที่จำเป็นในการสร้างสารซีโรโทนินในระบบเซลล์ประสาท ซึ่งทำให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลายและนอนหลับพักผ่อนได้สนิท

4.ใบมะรุม วิตามินซี 141 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม   มะรุมสามารถนำมาประกอบอาหารได้หลายอย่าง โดยทุกส่วนของต้นมะรุมสามารถกินได้ ส่วนใบของมะรุมมีฤทธิ์เป็นยาระบาย ลดไข้ ช่วยให้นอนหลับสบาย ป้องกันการเกิดแผลในกระเพราะอาหาร และช่วยต้านสารอนุมูลอิสระได้

5.ส้ม มีวิตามินซี 53.2 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม  ส้มเป็นผลไม้ยอดฮิตที่สุดที่นิยมรับประทาน ด้วยรสชาติเปรี้ยวอมหวานที่อุดมไปด้วยวิตามินหลายชนิดโดยเฉพาะวิตามินซี และยังมีใยอาหารที่ช่วยในระบบขับถ่ายให้ดีขึ้น รักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน โดยสามารถกินได้ทั้งจากผลส้มหรือคั้นเป็นน้ำก็ได้

6.มะขามป้อม มีวิตามินซี 276 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม  มะขามป้อมเป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงมาก และถูกใช้เป็นส่วนประกอบของยารักษาโรคหลายชนิด เช่น ไข้หวัดใหญ่ แก้ไอ ภาวะภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เป็นต้น โดยพบว่าในผลของมะขามป้อมมีสารป้องการเกิดออกซิไดซ์ของวิตามินซี ทำให้วิตามินซีไม่เสื่อมสภาพแม้จะถูกความร้อน เมื่อรับประทานจึงยังได้รับวิตามินซีครบ 

7.สตรอเบอร์รี่ มีวิตามินซี 58.8 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม  สตรอเบอร์รี่ถือว่าเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยทั้งวิตามินและแร่ธาตุ รวมถึงสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิดที่ช่วยยับยั้งสารก่อมะเร็ง ช่วยในการบำรุงดวงตาและลดการเสื่อมสภาพของดวงตา และพบว่าในสตรอเบอร์รี่สดจะให้วิตามินในปริมาณมาก

8. ฝรั่ง มีวิตามินซี 160 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม  แม้ฝรั่งจะเป็นผลไม้ที่ไม่มีรสเปรี้ยว แต่ก็อุดมไปด้วยวิตามินซีในปริมาณมาก ซึ่งพบได้บริเวณเปลือกของฝรั่ง เสียแต่เมื่อฝรั่งสุกแล้วจะมีปริมาณวิตามินซีที่น้อยลง หรือถ้าที่ตัดออกจากต้นแล้วทิ้งไว้เป็นเวลานานก็จะทำให้วิตามินซีเสื่อมสภาพลงได้

9. ลิ้นจี่ มีวิตามินซี 71.5 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม  รับประทานแค่เพียงวันละ 3 ลูก ก็จะได้รับปริมาณวิตามินซีตามที่ร่างกายต้องการได้แล้ว จะเห็นได้ว่าลิ้นจี่อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ  รวมทั้งวิตามินบี 1และวิตามินซี ที่ช่วยป้องกันอาการเหน็บชา บำรุงหลอดเลือดและกระดูกและฟัน

10.มะขามเทศ  นอกจากมะขามป้อมแล้ว มะขามเทศก็มีวิตามินซีสูงเป็นลำดับต้น ๆ ของผลไม้ไทยเลยค่ะ และที่เด็ดไปกว่านั้นก็คือ มะขามเทศยังวิตามินอีด้วย มะขามเทศมีทั้งวิตามินซีและอีมาประสานกัน ช่วยป้องกันการอุดตันของหลอดเลือด ลดความเสี่ยงจากการเป็นโรคหัวใจ ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ หรือถ้าใครมีปัญหาเรื่องการขับถ่าย รีบหามะขามเทศมาทานได้เลย เพราะมะขามเทศมีเส้นใยมาก ช่วยให้ขับถ่ายง่ายขึ้นอีกด้วย

11.กีวี เนื้อสีเขียวสดใสแสนอร่อยของกีวีมีวิตามินซีอยู่ไม่น้อยเลยนะ โดยกีวี 100 กรัมจะให้วิตามินซีประมาณ 105 มิลลิกรัม หรือถ้าเป็นกีวี 2 ผล ก็จะให้วิตามินซีประมาณ 137 มิลลิกรัม แถมยังมีกากใยมาก อุดมไปด้วยโพแทสเซียม ทองแดง และโฟเลต แคลอรี่ก็ต่ำอีกต่างหาก เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักนะ

12.มะละกอสุก เนื้อมะละกอสุก 100 กรัม มีวิตามินซี 70 มิลลิกรัม จึงช่วยรักษาโรคลักปิดลักเปิด โรคเลือดออกตามไรฟันได้ นอกจากนั้น ยังมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ เป็นยาระบายอ่อน ๆ แนะนำว่าเวลาปอกเปลือกไม่ควรปอกหนาจนเกินไป เพราะที่บริเวณเปลือกและใต้ผิวเปลือกมีสารที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ อย่างยอดเยี่ยมสะสมอยู่ด้วย

13.ส้มโอ ให้วิตามินซีประมาณ 44 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม ซึ่งสามารถนำไปทำกับข้าวได้หลายอย่างเช่น ยำ สลัด ส้มตำก็อร่อย รับประทานแล้วช่วยป้องกันเลือดออกตามไรฟัน แก้หวัด แก้ไอ ขับเสมหะ แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ ลดอาการจุกเสียด แน่นท้องได้เป็นอย่างดี

14.พุทรา รสชาติฝาด ๆ เปรี้ยว ๆ ให้วิตามินซีพอ ๆ กับส้มโอเลย สรรพคุณคือช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ต่อต้านสารอนุมูลอิสระแล้ว ในพุทรายังมีเส้นใยอาหารมาก ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น ป้องกันอาการผนังเส้นเลือดแข็งตัว และช่วยบรรเทาอาการนอนไม่หลับด้วย

ผลไม้รวม

วิตามินซี (Vitamin C) ถือว่าเป็นวิตามินพื้นฐานของร่างกายไม่ได้ดีแค่กับสุขภาพ แต่ยังดีต่อสุขภาพผิวของคุณอีกด้วย คงเคยได้ยินว่า ‘วิตามินซี’ มีส่วนช่วยให้ผิวขาวกระจ่างใส ซึ่งสาว ๆ จะสนใจเป็นพิเศษทำให้มีวิตามินสังเคราะห์ออกมาจำหน่ายกันอย่างแพร่หลายในท้องตลาด

 วิตามินซี (Vitamin C) มีประโยชน์มากสำหรับร่างกาย ซึ่งในแต่ละคนจะต้องการปริมาณของวิตามินซีที่ไม่เท่ากัน ด้วยปัจจัยต่าง ๆ ที่แตกต่างกัน ทั้งช่วงอายุ และการใช้ชีวิตประจำวัน ปัญหาสุขภาพ เช่น สำหรับผู้ที่มีอายุ 19 ปีขึ้นไป ในผู้ชายต้องการวิตามินซี 90 มิลลิกรัมต่อวัน ในขณะที่ผู้หญิงวัยเดียวกันต้องการ 75 มิลลิกรัมต่อวัน แต่หากเป็นหญิงตั้งครรภ์ต้องการวิตามินซีต่อวันอยู่ที่ 85 มิลลิกรัม สำหรับผู้หญิงที่ต้องให้นมบุตรต้องการวิตามินซีประมาณ 120 มิลลิกรัมต่อวัน ส่วนคนที่สูบบุหรี่ต้องการวิตามินซีมากกว่าคนทั่วไปถึง 35 มิลลิกรัมต่อวัน ปริมาณดังกล่าวคือปริมาณขั้นต่ำที่ต้องได้รับต่อวันเพื่อไม่ให้เกิดภาวะขาดวิตามินซี 

ปริมาณการรับประทานวิตามินซียังขึ้นอยู่กับผลลัพธ์ที่แต่ละคนต้องการด้วย เช่น ทานเพื่อเสริมภูมิคุ้มกัน หรือทานเพื่อบำรุงผิวพรรณ เป็นต้น เนื่องจากวิตามินซีมีคุณสมบัติ สลายตัวเร็ว ถูกขับออกจากร่างกายได้ง่าย ปริมาณที่ร่างกายควรได้รับต่อวันจะอยู่ที่ประมาณ 1,000-1,500 มิลลิกรัม/วัน เพื่อให้มีปริมาณวิตามินซีเพียงพอกับความต้องการของร่างกาย ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ และเพื่อผลลัพธ์ด้านการบำรุงผิวอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด 

ประโยชน์ของวิตามินซี

เพิ่มการสร้างคอลลาเจนในผิว ช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนเลือด มีส่วนช่วยให้เส้นเลือดฝอยแข็งแรง ช่วยให้เซลล์ผิวได้รับอาการเพียงพอ

วิตามินซี (Vitamin C) เป็นวิตามินที่มีประโยชน์อย่างมหาศาลทั้งต่อสุขภาพและผิวพรรณ แต่เนื่องจากร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์ขึ้นเองได้ เราจึงจำเป็นต้องทานวิตามินซีเสริมเข้าไปในร่างกายจากแหล่งอาหารในธรรมชาติ เช่น ผัก ผลไม้

สำหรับคนรักสุขภาพและต้องการดูแลผิวพรรณเป็นพิเศษ การรับประทานผักผลไม้สดในปริมาณที่มากพอถือว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ สะดวก และการันตีได้แน่นอนว่าร่างกายจะได้รับปริมาณสารอาหารและวิตามินซีจากธรรมชาติ ซึ่งหาได้ง่ายตามท้องตลาด

Back To Top