ฟันปลอม เสริมสร้างความมั่นใจให้กับรอยยิ้ม

ฟันปลอม

ฟันสวย ยิ้มหวาน หน้าตาอิ่มเอิ่ม  แต่ฟันหลอเป็นปมให้กับใครหลายคนยิ่งถ้าเป็นตำแหน่งที่คนอื่นมองเห็นเช่น ฟันหน้า ก็จะยิ่งทำให้ความมั่นใจหดถอยมาก ความอยากอาหารก็ลดลงเนื่องจากปัญหาการบดเคี้ยว มีปํยหาอื่น ๆ ตามมามากมาย  การใส่ฟันปลอมจะช่วยแก้ปัญหา การรับประทานอาหารได้ง่ายเหมือนเดิม พูดคุยออกเสียงได้ชัดเสริมสร้างความมั่นใจให้กลับคืนมา และยังช่วยคอยพยุงแก้มและริมฝีปากไม่ให้ดูหย่อนคล้อยอีกด้วย การมีคุณภาพชีวิตที่ดี กลับคืนมา

ฟันปลอม คือ สิ่งประดิษฐ์ที่ทำโดยทันตแพทย์เอาไว้ใส่เพื่อทดแทนฟันธรรมชาติที่สูญเสียไป เนื่องจากสาเหตุต่างๆ โดยมีวัสดุหลากหลายชนิด เช่น พลาสติก เซรามิค หรือโลหะ เป็นต้น วัสดุแต่ละประเภท ก็จะมีจุดเด่นจุดด้อยแตกต่างกันไป 

การทำฟันปลอมไม่สามารถทำให้เสร็จภายในครั้งเดียวได้ และต้องอาศัยระยะเวลาในการปรับตัว เพื่อให้คุ้นเคยกับฟันปลอมที่ทำขึ้นมาอีกด้วย ทั้งการเคี้ยว การพูดออกเสียง แต่ถ้าคุ้นชินแล้วก็จะสามารถปรับตัวให้เข้ากับฟันปลอมได้ ก็จะสามารถใช้ฟันปลอมในการดำรงชีวิตได้อย่างดี 

สาเหตุที่ต้องใส่ฟันปลอม

1.ฟันข้างเคียงของซี่ที่ถูกถอนไปล้มหรือเอียงไปบริเวณช่องว่าง

2.มีผลต่อฟันคู่สบที่ไม่ตรงกัน เกิดการกระเเทกขณะเคี้ยวอาหาร

3.มีเศษอาหารติดที่ซอกฟันได้ง่าย เกิดฟันผุหรือเหงือกอักเสบ

ชนิดของฟันปลอม

 

ชนิดของฟันปลอม

ฟันปลอมแบ่งได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ ฟันปลอมแบบถอดได้  ฟันปลอมแบบติดแน่น 

1.ฟันปลอมแบบถอดได้

ฟันปลอมชนิดถอดได้ คือ ฟันปลอมที่ไม่ได้ยึดแน่นอยู่ในช่องปาก สามารถถอดออกมาทำความสะอาดได้ มีลักษณะเป็นซี่ ๆ  ยึดติดอยู่กับฐานของฟันปลอมที่ทำจากวัสดุหลายประเภท เป็นการใส่ฟันเพียงบางส่วน แบ่งได้ดังนี้ 

ฟันปลอมฐานพลาสติก

เป็น ฟันปลอม ที่ทำได้ง่ายที่สุด มีลักษณะเป็นฟันปลอมพลาสติกเป็นซี่ ๆ ยึดอยู่กับฐานฟันปลอมที่ทำจากอะคริลิกสีชมพู ทำให้ดูคล้ายคลึงกับเหงือก มีตั้งแต่ 1 ซี่ ไปจนถึงหลายซี่ ยึดเกี่ยวกับตัวฟันธรรมชาติที่เหลืออยู่ เพื่อให้ยึดเกาะได้แน่นขึ้น ลักษณะของฐานฟันปลอมของขากรรไกรบนจะมีลักษณะแผ่ และยึดแนบไปกับเพดานปาก ส่วนในขากรรไกรล่าง จะมีลักษณะเหมือนเกือกม้า โค้งหลบตำแหน่งของลิ้น

ข้อดีของฟันปลอมถอดได้ฐานพลาสติก

1.ทำได้ง่าย เนื่องจากขั้นตอนในการทำไม่ซับซ้อนจึงใช้เวลาไม่นาน

2.สามารถถอดออกมาทำความสะอาดได้

3.ราคาไม่แพง 

ข้อเสียของฟันปลอมถอดได้ฐานพลาสติก

1.รำคาญ จากฐานของฟันปลอมที่มีขนาดใหญ่ และหนา

2.การยึดเกาะจะไม่ค่อยแน่น อาจหลุดเวลาเคี้ยว หรือเวลาพูดได้ 

3.ประสิทธิภาพในการบดเคี้ยวอาหารต่ำ เนื่องจากเป็นพลาสติก

 4.อาจมีเศษอาหารเข้าไปติดใต้ฐานฟันปลอม ทำให้กดเหงือกและรู้สึกเจ็บมาก

5.ฐานของฟันปลอมที่เป็นอะคริลิก จะดูดสี และกลิ่น เกิดการเปลี่ยนสีได้

6.มีอายุการใช้งานสั้น ใช้งานไประยะหนึ่งจะเกิดการหลวมมากขึ้นเรื่อยๆ

7.หากใช้ในระยะเวลานาน สันเหงือกอาจเกิดการยุบตัวได้

  1. ถ้าทำหล่นก็จะมีโอกาสแตกหักได้ง่าย

ฟันปลอมฐานโลหะ

เป็นฟันปลอมที่มีลักษณะเป็นซี่ ๆ บริเวณฐานเป็นโครงโลหะและจะมีอะคริลิกสีชมพูแปะอยู่บางส่วน โดยซี่ของฟันปลอม จะเป็นพลาสติกเหมือนกับฟันปลอมฐานพลาสติก

ข้อดีของฟันปลอมถอดได้โครงโลหะ

1.ฐานโลหะจะมีความเล็กและบาง ทำให้เวลาใส่ จะไม่รู้สึกรำคาญ

2.อายุการใช้งานนานขึ้น เนื่องจากโลหะไม่ดูดสีและกลิ่น มีอายุการใช้งานมากกว่า 10 ปี

3.การปรับตัวในการใส่ฟันปลอม การบดเคี้ยวและการออกเสียง จะทำได้ง่ายกว่าฟันปลอมฐานพลาสติก

ข้อเสียของฟันปลอมถอดได้โครงโลหะ

1.มองเห็นตะขอสีเงินได้ในบางบริเวณ ซึ่งอาจมีผลต่อความสวยงาม

2.มีราคาสูงกว่าฟันปลอมฐานพลาสติก

3.อาจต้องเพิ่มขั้นตอนในการทำมากกว่าฟันปลอมฐานพลาสติก

ฟันปลอมชนิดฐานนิ่ม

มีลักษณะคล้ายกับฟันปลอมฐานพลาสติก แต่บริเวณฐานฟันปลอม แทนที่จะทำด้วยอะคริลิกแข็ง จะทำด้วยวัสดุพลาสติกที่มีความยืดหยุ่นแทน จะใช้ในกรณีที่ฟันหายไปจำนวนน้อย ๆ เช่น 1 หรือ 2 ซี่

 ข้อดีของฟันปลอมชนิดฐานนิ่ม

1.มีความยืดหยุ่นสูง ทำง่าย ใส่ได้พอดี

2.สามารถปรับให้พอดีได้ด้วยตัวเอง โดยหากฟันปลอมหลวม หรือใส่ไม่ลง ให้นำมาแช่น้ำอุ่น 

3.ไม่มีตะขอสีโลหะ จึงไม่มีปัญหาเรื่องความสวยงาม

4.ตกไม่แตก และหักค่อนข้างยากเนื่องจากมีความยืดหยุ่นสูง เมื่อเทียบกับฟันปลอมฐานอะคริลิก

ข้อเสียของฟันปลอมชนิดฐานนิ่ม

1.ราคาสูงกว่าฟันปลอมฐานพลาสติกธรรมดา

2.ฐานจะดูดสีและกลิ่นจากอาหารที่รับประทาน มีโอกาสเปลี่ยนสี

เวลาเคี้ยวอาหาร บางคนอาจรู้สึกว่าฟันปลอมมีการยวบขึ้นลงตามการบดเคี้ยว

  1. บาคนอาจมีอาการเจ็บตอนใส่ใหม่ ๆ จากฐานที่แนบพอดีไปกับเหงือกจึงต้องมาปรับแก้หลายครั้ง

ใส่ฟันปลอมฟันปลอมทั้งปาก

ถ้ามีการสูญเสียฟันไปทั้งหมด การใส่ฟันปลอมทั้งปาก จะช่วยทดแทนฟันธรรมชาติได้ วัสดุที่ใช้ในการทำ ส่วนที่เป็นซี่ฟันจะทำด้วยพลาสติก ส่วนฐานจะทำมาจากอะคริลิกแบบแข็ง สีชมพูเหมือนกับสีของเหงือก ขากรรไกรบน จะแผ่ขยายฐานเต็มเพดานปาก ส่วนของขากรรไกรล่าง จะแผ่ฐานด้านหน้า และด้านหลังเป็นรูปเกือกม้า เพื่อเว้าหลบส่วนของลิ้น แบ่งตามวิธีการทำได้ 3 แบบ คือ

ฟันปลอมทั้งปากแบบดั้งเดิม 

จะทำหลังจากที่ถอนฟันออกหมด และรอแผลถอนฟันหาย เหงือกเข้าที่ และเนื้อเยื่อต่างๆหายเป็นปกติ ใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือน บางกรณีอาจต้องรอนานถึง 6 เดือน เช่น มีการตัดแต่งกระดูกร่วมด้วย 

ฟันปลอมทั้งปากแบบทันที 

จะมีการเตรียมทำไว้ก่อนที่จะทำการถอนฟันออก ทำให้สามารถใส่ทดแทนได้ทันที เนื่องจากทันตแพทย์จะทำการพิมพ์ปาก สร้างแบบจำลองฟัน และสร้างการสบฟันไว้คร่าว ๆ ก่อนจะถอนฟัน แต่ฟันปลอมชนิดนี้จะหลวมมากขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากที่ใส่ไป เพราะกระดูกขากรรไกรและสันเหงือกจะเกิดการยุบตัวลงเรื่อยๆ  อาจจะต้องทำฟันปลอมชุดใหม่ หรือทำการเสริมฐานฟันปลอมชุดเดิม หลังจากสันเหงือกยุบตัวลงจนเข้าที่แล้วเพื่อให้แน่นขึ้น

ฟันปลอมทั้งปากแบบวางบนรากเทียม 

ฟันปลอมทั้งปากชนิดนี้จะมีรากเทียมที่ฝังเตรียมเอาไว้เป็นตัวช่วยยึดฟันปลอม  แรงยึดโดยรากเทียมจะทำให้ฟันปลอมแน่นเทียบเท่าฟันธรรมชาติ สามารถบดเคี้ยวอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ และไม่หลุดง่ายเวลาอ้าปากกว้าง ๆ หรือเวลาพูดคุย หัวเราะ แต่จะมีราคาสูง 

2.ฟันปลอมแบบติดแน่น(Fixed Denture)

ฟันปลอมแบบติดแน่น ถือว่าเป็น ฟันปลอมถาวร ที่ยึดแน่นในช่องปาก โดยอาศัยฟันจริงซี่ที่อยู่ข้างเคียงกับ เป็นการทำครอบฟันที่เป็นฟันปลอมยึดกับฟันจริง ไม่สามารถถอดออกมาเพื่อทำความสะอาดภายนอกช่องปากได้

ฟันปลอมเเบบติดเเน่น มี 2 แบบ

2.1. ฟันปลอมติดแน่นด้วย สะพานฟัน

การนำฟันปลอมมาเกี่ยวยึดกับฟันซี่ข้างเคียงฟันซี่ที่หายไป เพื่อทดแทนช่องว่างระหว่างฟัน 

2.2. ฟันปลอมติดแน่นด้วย

รากฟันเทียม การฝังรากฟันเทียมไททาเนียมลงไปในกระดูกขากรรไกร ยึดติดกับตัวเนื้อฟันจากเรซินเพื่อใช้บดเคี้ยว 

ข้อดี ฟันปลอมเเบบติดเเน่น

1.ประสิทธิภาพการบดเคี้ยวดีเทียบเท่ากับฟันจริง เพราะเเรงเคี้ยวกดลงที่ตัวฟัน

2.ไม่รู้สึกรำคาญ เพราะไม่มีส่วนของเหงือกปลอม หรือตะขอที่เกะกะเหมือนฟันแบบถอดได้

3.มีลักษณะและขนาดเหมือนกับฟันจริง

4.ติดแน่น หลุดยาก

ข้อเสีย ฟันปลอมเเบบติดเเน่น

1.ต้องมีการกรอฟันข้างเคียงเพื่อยึดฟันปลอม ทำให้สูญเสียเนื้อฟันและมีอาการปวดหลังทำ

2.ราคาแพงกว่าฟันปลอมแบบถอดได้ ทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายสูง

3.ไม่สามารถถอดออกมาทำความสะอาดได้ ถ้าดูแลและแปรงฟันไม่ดีจะทำให้ฟันข้างเคียงเสียหายไปได้ เป็นโรคเหงือก หรือฟันผุได้ง่าย

ขั้นตอนทำฟันปลอม

1.เริ่มต้นซักถามประวัติจากคนไข้ ตรวจช่องปาก ถ่ายรูป X-ray พิมพ์แบบจำลองช่องปาก

 2.ตรวจการเรียงตัวของฟัน เลือกสีฟันที่ใกล้เคียงกับฟันเดิม เเละสร้างฟันปลอมขึ้นมาบนแบบจำลอง เพื่อให้ได้ขนาดพอดี มีการสบฟันที่ถูกต้อง

3.ใส่ฟันปลอมเเละแก้ไขตำแหน่งกดเจ็บ ระหว่างการทำฟันปลอม ทันตแพทย์จะนัดพบคนไข้ สัปดาห์ละ 1 ครั้ง หลังใส่ก็อาจต้องกลับไปพบทันตแพทย์ในช่วงเดือนแรก เพื่อปรับหรือตกแต่งเพิ่มเติมให้พอดีกับช่องปาก

การดูแลฟันปลอม

การดูเเลรักษาฟันปลอมนั้นควรจะเน้นการดูเเลความสะอาดเเละการถนอมการใช้งานฟันปลอมให้คุ้มค่า ยาวนานที่สุดให้ครบตามอายุงาน

ดูเเลฟันปลอมเเบบถอดได้

1.ไม่ควร รับประทานอาหาร ที่มีความเหนียวและเเข็งจนเกินไป เพราะจะทำให้ฟันปลอมทำงานหนัก อาจจะหลุดออกหรือแตกหักออกมาในขณะเคี้ยวได้

2.ระวังอย่าทำฟันปลอมหล่น เพราะส่วนประกอบของฟันปลอมที่เป็นพลาสติกหรืออะคริลิกคอาจแตกหักเสียหายได้

3.หลังรับประทานอาหารควรถอดฟันปลอมออกล้างด้วยน้ำสะอาด และใช้แปรงสีฟันขนนุ่ม ๆ ทำความสะอาดฟันปัดเศษอาหารออกจากฟันปลอม

3.ไม่ใช้ยาสีฟันทำความสะอาดฟันปลอม เพราะสารขัดฟันในยาสีฟันจะทำให้ตัวฟันปลอมสึกได้

4.ควรให้ใช้เม็ดฟู่เเช่ฟัน เพื่อทำความสะอาดฟันปลอมเเละกำจัดเชื้อโรคที่ซ่อนอยู่ อาทิตย์ละ 1 ครั้ง

5.ก่อนนอนควรถอดแช่น้ำ เพื่อคงรูปร่างไว้ 

ดูเเลฟันปลอมเเบบติดเเน่น

ดูเเลฟันปลอมเเบบติดเเน่น

1.ดูเเลรักษาเหมือนฟันจริง แปรงฟันเน้นบริเวณคอฟัน เหงือก และใช้ไหมขัดฟันเพื่อกำจัดเศษอาหารที่ติดอยู่ตามซอกฟันด้วย

2.เเนะนำให้ทำความสะอาดใต้ฟันปลอมด้วยเครื่องมือร้อยไหมขัดฟัน ร่วมกับไหมขัดฟัน

3.ไปพบทันตแพทย์ตามนัด หรืออย่างน้อยทุก ๆ 6 เดือน

จะเห็นได้ว่าในปัจจุบัน เมื่อมีการสูญเสียฟันไปก็มีตัวช่วยอย่างฟันปลอมมาช่วยแก้ปัญหา ทำให้เสริมสร้างความมั่นใจให้กลับคืนมา สามารถยิ้มสวย ๆ อย่างมั่นใจ รับประทานอาหารที่ชอบอย่างเป็นปกติ แต่จะใส่ฟันปลอมชนิดไหนนั้น ขึ้นอยู่ดุลพินิจของทันตแพทย์ซึ่งจะดูจากปัญหา ลักษณะของฟัน ตำแหน่งของฟัน ซึ่งเป็นข้อมูลที่คุณได้ปรึกษากับทันตแพทย์ตั้งแต่เริ่มแรกและปรับเปลี่ยนให้ลงตัวตรงตามความต้องการและมีประสิทธิภาพในการใช้งานอย่างดีที่สุด  

Back To Top