การออกกำลังกายเป็นเทรนด์ยอดฮิตตลอดกาล ไม่ว่าจะเป็นปีนี้ ปีหน้า หรือว่าปีไหน ๆ เป็นกิจกรรมประจำ การออกกำลังกายตอนเช้าแค่ไม่กี่นาที จะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าในแง่ของการลดไขมันอย่างมาก ได้รับอากาศบริสุทธิ์ตอนเช้า สดชื่นได้ทั้งวัน ซึ่งสามารถออกกำลังกายแบบเบา ๆ ไม่หักโหมจนเกินไป เหลือแรงไว้สำหรับการทำงานได้อีกตลอดทั้งวัน
การตื่นมาออกกำลังกายตอนเช้าอาจเป็นเรื่องทุกข์ใจสำหรับหลายคน เรื่องของเวลาก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญ ถ้ายอมตื่นเช้าขึ้นมาอีกนิดก็จะสามารถมีหุ่นสวยเพรียวสมใจ โดยควรตื่นแต่เช้ามาออกกำลังกายอย่างน้อย 3-5 ครั้ง/สัปดาห์ ในแต่ละครั้งควรใช้เวลาประมาณ 30 นาทีซึ่งระบบของร่างกายสามารถเผาผลาญไขมันได้ดีที่สุด
แต่ถ้าเป็นคนที่ไม่เคยออกกำลังกาย ก็อย่าเพิ่งหักโหมเกินไป อาจจะเริ่มจากการออกกำลังกายเบา ๆ แค่ 10 นาทีต่อวัน เพื่อลดการบาดเจ็บและทำให้ร่างกายได้คุ้นชินกับอาการปวดเมื่อยต่าง ๆ เสียก่อนแล้วจึงค่อย ๆ เพิ่มเวลาให้มากขึ้นตามความสามารถของร่างกายจนกว่าจะออกแบบต่อเนื่องได้ถึง 30 นาที
ตอนเช้าเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายกำลังฟื้นตัวจากการพักผ่อนในเวลากลางคืน ยังตื่นตัวได้ไม่เต็มที่และมีโอกาสบาดเจ็บได้ง่าย ดังนั้น รูปแบบการออกกำลังกายจึงต้องเป็นกิจกรรมง่าย ๆ ที่ช่วยวอร์มร่างกายให้อบอุ่นก่อน เช่น การทำคาร์ดิโอ (Cardiovascular), Burn Fat หรือ Burn Calorie เช่น การทำแอโรบิก, การวิ่ง, ปั่นจักรยาน, ว่ายน้ำ เป็นต้น และต้องไม่ลืมควบคุมอัตราการเต้นหัวใจ (Heart Rate) ให้อยู่ในจุดที่เหมาะสม หากใช้งานหนัจนเกินไปอาจทำให้อาการบาดเจ็บถึงขั้นหน้ามืดหรือเป็นลมก็ได้
การออกกำลังกายตอนเช้า ถือเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับคนอยากลดหุ่น สลายไขมัน และสร้างพลังให้กับร่างกายในช่วงระหว่างวันได้ดีขึ้น แต่การจะออกกำลังกายให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดอาจไม่ได้ขึ้นอยู่กับแค่ปัจจัยของช่วงเวลาเท่านั้น ยังมีเรื่องของวินัยและความตั้งใจในการทำอย่างถึงที่สุดเข้ามาร่วมด้วย การพักในระหว่างการออกกำลังกาย เป็นรูปแบบการพักระหว่างเซ็ตเล็กน้อยแค่ไม่กี่นาที เพื่อให้ร่างกายได้ฟื้นตัว และกลับมามีแรงเต็มที่ก่อนจะกลับไปทำต่อ วิธีนี้เป็นการป้องกันกล้ามเนื้อฉีกขาดรุนแรงและเป็นการฝึกกล้ามเนื้อให้เกิดความทนทานกับสภาพความเหนื่อยล้าจากการออกกำลังกายติดต่อกัน
การพักหลังจากการออกกำลังกาย เช่นการเล่นเวทเทรนนิงจะต้องมีช่วงให้ร่างกายได้พักด้วยการหลีกเลี่ยงการเล่นซ้ำในจุดเดิม ๆ ประมาณ 2 วัน เพื่อให้ร่างกายได้ซ่อมแซมกล้ามเนื้อที่ฉีกขาดให้กลับมาแข็งแรงมากพอที่จะสร้างมัดกล้ามเนื้อที่ใหญ่ขึ้นได้ต่อไป
การนอนหลับให้เต็มอิ่ม วันละ 7- 8 ชั่วโมง / วัน โดยไม่ควรนอนเกินเวลา 21:00 น. เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ร่างกายได้มีระยะการฟื้นฟูบ้างตามความเหมาะสม และตื่นมาออกกำลังกายตั้งแต่ช่วงเช้าไปจนถึงก่อนเที่ยงมีแนวโน้มที่จะลดน้ำหนักตัวได้มากกว่าคนที่ออกตอนบ่ายหรือหัวค่ำ เพราะร่างกายมีอัตราการเผาผลาญในแต่ละช่วงของวันที่ไม่เท่ากัน ในช่วงบ่าย-ค่ำเป็นเวลาที่ร่างกายเตรียมพร้อมสำหรับการพักผ่อนมากกว่าการทำกิจกรรมต่าง ๆ ทำให้ระบบการเผาผลาญทำงานได้น้อยลงกว่าตอนเช้า เพราะเหตุนี้จึงทำให้การออกกำลังกายตอนเช้าให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า
ข้อควรระวังในการออกกำลังกาย
การออกกำลังกายเป็นกิจกรรมที่ทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงดี แต่ก็ต้องมีข้อที่ระวังในออกกำลังกายเช่นกัน เพราะถ้าไม่ระวังอาจจะเกิดปัญหาตามมาได้ เช่น
1.ควรออกกำลังกายให้พอเหมาะกับอายุ เพศ และสภาพร่างกาย เช่น คนสูงอายุ การเดินเร็ว เป็นการออกกำลังกายที่ดีที่สุด สำหรับคนในวัยทำงานอาจจะเป็นการวิ่งเหยาะก็ได้ซึ่งสามารถทำได้ง่ายและประหยัดทั้งเวลาและงบประมาณ สำหรับเด็กแล้วการวิ่งเล่นดูจะเป็นสิ่งที่เหมาะสมที่สุด
2.ควรออกกำลังกายให้ถูกเวลา เช่น เช้า เย็น หรือ ไม่ควรออกกำลังกายในเวลาที่มีอาการร้อนจัด จะทำให้ไม่สบายได้ และควรออกกำลังกายก่อนอาหาร หรือหลังอาหารอย่างน้อย 2 ชั่วโมง ที่สำคัญไม่รบกวนกิจวัตรประจำวันอื่น ๆ
3.เมื่อเกิดการเจ็บป่วยไม่ควรออกกำลังกาย เพราะอาจจะทำให้เป็นหนักขึ้นหรือไปกระตุ้นให้เป็นโรคอื่นแทรกซ้อนขึ้นมาได้ เช่น โรคกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ หรือเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ หรือเวลาที่ท้องเสีย เพราะร่างกายจะขาดน้ำหรือเกลือแร่ ทำให้อ่อนเพลียมากขึ้น
4.ก่อนและหลังการออกกำลังกายทุกครั้งควรอบอุ่นร่างกาย และผ่อนคลายกล้ามเนื้อลดอัตราเสี่ยงต่อการได้รับบาดเจ็บ และช่วยทำให้อาการเมื่อยล้าหายได้เร็วขึ้น
5.การเลือกใช้อุปกรณ์ในการออกกำลังกายให้เหมาะสม เช่น ไม่สวมรองเท้าหนังหรือรองเท้าแตะ เพราะรองเท้าจะช่วยลดแรงกระแทกขณะออกกำลังกาย เสื้อผ้าที่สวมใส่ขณะออกกำลังกายควรเป็นเสื้อผ้าที่ยืดหยุ่นได้ ระบายความร้อนได้ดี เช่น ผ้าฝ้าย ซับเหงื่อและระบายอากาศได้ดี
6.ขณะออกกำลังกายควรงดสูบบุหรี่ หรือดื่มสุรา เพราะแอลกอฮอล์เป็นยาขับปัสสาวะ ซึ่งจะทำให้ร่างกายขาดน้ำมากยิ่งขึ้น
7.ต้องคำนึงถึงสภาพแวดล้อมที่จะทำให้ร่างกายได้รับอันตรายได้ง่าย หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายในที่อันตรายควรออกกำลังกายในที่ที่จัดไว้ เช่น สวนสุขภาพ ร่มรื่น อากาศสดชื่น มีมลพิษน้อยมาก ร่างกายได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่และปลอดภัย
8.เมื่อมีอาการเตือนที่แสดงว่าเริ่มมีอันตราย ควรหยุดออกกำลังกายทันทีโดยไม่ฝืน เช่น อาการเวียนศีรษะ เจ็บแน่นหน้าอก หายใจติดขัด
9.ผู้มีอายุวัยกลางคนขึ้นไป ควรต้องได้รับการตรวจสุขภาพ รวมทั้งการทดสอบสมรรถภาพทางกายก่อนเพื่อให้ทราบขีดจำกัดของตนเอง เพื่อจะได้เลือกรูปแบบการออกกำลังกายที่เหมาะสม
10.สำหรับผู้สูงอายุ (อายุเกิน 60 ปีขึ้นไป) ควรระมัดระวังมากกว่าคนอายุน้อย โดยเริ่มออกกำลังกายที่เบาก่อน ไม่ควรหักโหมจนเกิดอันตรายซึ่งจะเป็นผลเสียมากกว่าผลดี
เมื่อรู้แล้วว่าควรระวังตัวเองอย่างไรถึงจะออกกำลังกายอย่างมีประสิทธิภาพ เช่นนั้นแล้วก็สบายใจได้ ไปออกกำลังกายกันดีกว่า
อากาศยามเช้าเป็นช่วงเวลาที่สมบูรณ์แบบเพื่อจะมาขยับร่างกาย อากาศที่อบอุ่น ดอกไม้บานสะพรั่ง เหมาะสำหรับการออกกำลังกาย คนที่ออกกำลังกายในตอนเช้า จะเสริมสร้างนิสัยออกกำลังกายสม่ำเสมอสำเร็จมากกว่าช่วงเวลาอื่นเพราะจะถูกรบกวนด้วยกิจกรรมอื่น ๆ มีน้อย การออกกำลังกายช่วงเช้าจะช่วยให้ตื่นตัวกระปรี้กระเปร่าและแก้ง่วงได้ดีมาก การออกกำลังกายช่วงเช้าจะทำให้การเผาผลาญส่วนที่เหลือทำงานได้ดีขึ้น เนื่องจากช่วงเช้า ท้องเรายังว่าง ฮอโมนอีซูลินจะไม่ได้ทำการหลั่งออกมา และน้ำตาลในเลือดต่ำ ร่างกายก็จะดึงเอาไขมันที่สะสมอยู่ออกมาใช้ทันที ดังนั้นถ้าออกกำลังกายในตอนที่ร่างกายพร้อมก็จะเกิดโยชน์สูงสุด
