คำว่า ไดเอท ค่อนข้างเป็นคำที่คุ้นหู คุ้นปาก โดยเฉพาะในกลุ่มสาว ๆ ที่จริงแล้วคำว่า ไดเอท (Diet) นั้น แปลว่า อาหาร แต่สาว ๆ คนไทยจะเข้าใจตรงกันว่า Diet คือ การควบคุมการรับประทานอาหารโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดน้ำหนักที่รู้สึกว่าตัวเองน้ำหนักมากเกินไปแล้ว ต้องระวังปากและเลือกกินให้มากขึ้น
หลักการควบคุมการกินอาหารเพื่อลดน้ำหนัก มีด้วยกันหลายสูตร
Atkins Diet เป็นวิธีควบคุมอาหารจำพวกแป้งทุกชนิด แต่ยังรับประทานโปรตีนและไขมัน ด้วยที่ร่างกายไม่มีแป้งไปเปลี่ยนเป็นพลังงานใช้งาน จึงทำให้ร่างกายดึงไขมันที่อยู่ในร่างกายมาใช้
Carb Cycling เป็นวิธีที่ต้องรับประทานแบบ Low Carb (อาหารประเภทแป้งต่ำ) และ Hi Carb สลับกัน ทำให้ร่างกายต้องปรับตัวเพื่อปกป้องตัวเองไม่ให้อดอยาก การเผาผลาญไขมันจะมีมากขึ้น ทำให้น้ำหนักลด
Intermittent Fasting (IF) มีหลักการคือ อดบ้าง อิ่มบ้าง เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายหลั่ง growth hormone ออกมาเผาผลาญไขมัน วิธีนี้จะมีบางวันที่ดื่มน้ำอย่างเดียว
Keto Diet เป็นวิธี Diet ที่ถูกพูดถึงมาก เพราะติดกระแสยอดนิยม เป็นวิธีลดการรับประทานคาร์โบไฮเดรต แต่เติมพวกโปรตีนและไขมัน นอกจากนั้นยังมีประเภท คีโตเจนิค ไดเอท ที่เน้นการกินไขมันสูงมาอันดับหนึ่ง และโปรตีนรองลงตัว ส่วนแป้งกินน้อยมาก
High protein diet เป็นวิธีที่จะเน้นการรับประทานโปรตีนเป็นสำคัญ ส่วนแป้งและไขมันให้รับประทานปริมาณน้อย
Paleo diet เน้นการรับประทานผลิตภัณฑ์ที่ผลิตแบบออแกนิค อาหารที่ได้จากธรรมชาติ ผัก ผลไม้ ไขมันก็เลือกที่ได้จากพืชและสัตว์ที่เลี้ยงแบบออแกนิคเท่านั้น
Dukan Diet เป็นอีกสูตรที่เน้นการรับประทานอาหารประเภทโปรตีน ด้วยหลักการว่า โปรตีนจะไม่ไปเพิ่มชั้นไขมันแน่นอน
Vegetarian diet การรับประทานอาหารประเภทมังสวิรัติ คืองดเนื้อสัตว์ทุกชนิด เน้นผักและผลไม้
การจะไดเอทให้ได้ผลต้องปฏิบัติให้ถูกต้อง ดังนั้น ควรศึกษารายละเอียดให้ดีก่อนแล้วเลือกปฏิบัติวิธีที่เหมาะสมกับตัวเอง ไม่ว่าจะด้านสุขภาพ อายุ การดำเนินชีวิต ทางที่ดีควรปรึกษาแพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ เพื่อไม่ให้เกิดผลกรทบต่อตัวเองและชีวิตประจำวัน เพราะสุขภาพของแต่ละคนไม่เหมือนกัน จึงเหมาะกับวิธีการที่ต่างกัน
การไดเอทไม่ใช่การที่ต้องอดหรือต้องหยุดรับประทานสิ่งที่อยากรับประทาน วิธีไดเอทที่ถูกต้องคือการเลือกรับประทานสิ่งที่มีคุณภาพในปริมาณที่เหมาะสม การจะหุ่นดีด้วยไม่จำเป็นต้องทรมาน
เทคนิคดี ๆ กับการไดเอทแบบไม่ต้องอด
1.ใช้หญ้าหวานแทนน้ำตาลปกติ หญ้าหวานเป็นความหวานจากธรรมชาติ แถมยังแคลลอรี่น้อยมากจนแทบไม่มี จึงเป็นที่นิยมกันมากในหมู่คนรักสุขภาพและผู้ป่วยโรคเบาหวาน โดยหญ้าหวานสามารถให้ความหวานแทนน้ำตาลปกติได้ และยังมีสรรพคุณในการช่วยลดไขมันและน้ำตาลในเลือดอีกด้วย
2.ดื่มน้ำเยอะ ๆ ไม่เพียงเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว แต่การดื่มน้ำก่อนมื้ออาหารประมาณ 30 นาทียังช่วยให้เราทานได้น้อยลง เร่งอัตราการเผาผลาญ ซึ่งปกติควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว เพราะน้ำเป็นองค์ประกอบที่สำคัญในร่างกาย โดยประมาณร้อยละ 60% – 70% ของร่างกายนั้นเป็นของเหลว
3.หันมาใช้เกลือสีชมพู (เกลือหิมาลายัน) เป็นเกลือที่มีแร่ธาตุสูงมากถึง 84 ชนิด รสชาติกลมกล่อม ช่วยเร่งอัตราการเผาผลาญพลังงาน ควบคุมน้ำตาลในเลือด และยังสามารถเอามาใช้ ทำสปา ขัดผิว ได้อีกด้วย
4.รับประทานโปรตีนและไฟเบอร์ให้มากขึ้น เพราะโปรตีนนั้นใช้พลังงานในการเผาผลาญที่สูง ดังนั้นการรับประทานโปรตีนเยอะ ๆ ในปริมาณที่เหมาะสม เช่น เนื้อปลา ไข่ เนื้อสัตว์ อาหารเหล่านี้เป็นแหล่งโปรตีนที่ดี ซึ่งจำเป็นสำหรับร่างกายในการเจริญเติบโตและซ่อมแซมตัวเอง อีกทั้งยังเป็นแหล่งวิตามินและแร่ธาตุที่หลากหลาย นอกจากนี้ควรรับประทานผักและผลไม้ซึ่งมีไฟเบอร์อยู่มากอย่างน้อย 5 ส่วนทุกวัน
5.ไม่อดอาหาร ในแต่ละวันจะต้องคุมปริมาณแคลลอรี่ไม่ให้เกินกำหนด แต่ต้องไม่อดอาหารซึ่งเป็นเรื่องสำคัญเพราะถ้าหากเราอดอาหารไปซักมื้อนึงจะทำให้ร่างกายเกิดความหิวมากขึ้นจนทำให้รับประทานมื้อถัดไปมากกว่าปกติ ทางที่ดีคือการควบคุมแคลลอรี่ของทั้งวันดีกว่าการอดอาหาร
6.หันมารับประทานคาร์โบไฮเดรตไม่ขัดสีและพืชตระกูลถั่ว ซึ่งเป็นคาร์โบไฮเดรตดีต่อร่างกาย เช่น ข้าวกล้อง พาสต้าโฮลวีท และขนมปังโฮลวีต โดยอาหารประเภทแป้งเหล่านี้จะมีเส้นใยมาก รวมถึงวิตามินและแร่ธาตุมากกว่าปกตินั่นคือ ซึ่งได้มีการนำถั่วอัลมอนด์มาทำเป็นแป้งขนม และมีขนมปังโฮลวีตสำหรับผู้ที่รักสุขภาพแต่ชื่นชอบขนมปังด้วย การรับประทานถั่วหรือพืชตระกูลถั่วต่าง ๆ ซึ่งมีไขมันต่ำมากมีโปรตีน วิตามิน แร่ธาตุ และใยอาหารสูง มีประโยชน์ต่อร่างกาย
7.เพิ่มความเผ็ดในอาหารที่รับประทาน สามารถเร่งการเผาผลาญพลังงานในร่างกายได้ ไม่ว่าจะเป็นพริกป่น พริกขี้หนูหรืออาหารที่ให้รสชาติเผ็ดร้อนก็ช่วยได้ แต่ถ้าหากก็มีผลข้างเคียงคืออาจทำให้ปวดท้องได้เช่นกัน ดังนั้นจึงควรกินแต่พอดี
8.การรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพให้สมดุลนั้น เป็นส่วนสำคัญในการลดน้ำหนักหรือไดเอท เพราะคุณจะต้องรับประทานอาหารที่หลากหลายในปริมาณสัดส่วนที่เหมาะสมของแต่ละวัน ไม่ว่าจะเป็นการบริโภคอาหารมื้อหลักหรือเครื่องดื่มก็ตามแต่ ปริมาณเหล่านี้เป็นส่วนสำคัญที่จะให้คุณบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้สำหรับการลดน้ำหนัก
9.นมและผลิตภัณฑ์จากนม อาทิเช่น เครื่องดื่มนมถั่วเหลือง หรือนมอัลมอนด์ ชีสและโยเกิร์ตเป็นแหล่งโปรตีนที่ดี ทั้งยังยังมีแคลเซียมสูง ซึ่งช่วยให้กระดูกของคุณแข็งแรง ควรเลือกนมไขมันต่ำ ชีสแข็งไขมันต่ำ เนยแข็งสดไขมันต่ำ และโยเกิร์ตน้ำตาลน้อย และยังมีทางเลือกผลิตภัณฑ์นมจากแหล่งที่มาอื่นที่ไม่ใช่แค่นมวัว เช่น เครื่องดื่มถั่วเหลือง เป็นต้น ซึ่งเป็นทางเลือกที่ดัสำหรับคนที่มีแพ้นมวัว อีกทั้งยังมีแคลอรี่อาหารที่ต่ำกว่าอีกด้วย
10.ไขมันในอาหารเป็นสิ่งจำเป็น แต่คนสมัยใหม่มักนิยมรับประทานไขมันอิ่มตัวมากเกินไป ควรเลือกรับประทานแต่น้ำมันดีหรือไขมันไม่อิ่มตัว ควรหลีกเลี่ยงการทอดที่ใช้น้ำมันพืชในการทอด เปลี่ยนไปใช้ไขมันไม่อิ่มตัวที่ช่วยลดคอเลสเตอรอลได้ เช่น น้ำมันมะกอก และบริโภคไขมันดีจากอะโวคาโดหรือปลาแซลมอนแทน สำหรับคนที่อยากหลีกเลี่ยงน้ำมันแนะนำให้ใช้หม้อทอดไร้น้ำมันในการปรุงอาหาร
การไดเอทจะสำเร็จลุล่วงได้ต้องมีวินัยและความตั้งใจอย่างที่สุด ไม่ต้องทนทรมานอดอาหารที่ชอบเพียงแต่เลือกประเภทและจำกัดปริมาณ จริงๆ แล้ววิธีลดน้ำหนักไม่ได้มีอะไรซับซ้อน เพียงแค่รับประทานให้น้อยลง และออกกำลังกายให้มากขึ้น
