สมุนไพรใกล้ตัวมีมากมาย มีประโยชน์อย่างที่นึกไม่ถึงมาก่อน แต่ต้องขึ้นอยู่กับวิธีการใช้และสาเหตุของอาการด้วย เป็นสิ่งที่อยู่คู่คนไทยมานับพันปี คุณค่าใช้ประโยชน์ได้จริง และใช้ได้อย่างกว้างขวาง นำมาใช้รักษาอาการเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างปวดศีรษะ ปวดท้อง เจ็บคอ ไอ น้ำร้อนลวก มดกัด ยุงกัด ท้องเสีย ท้องอืด ได้ผลชะงัดนักแล สมุนไพรที่นิยมใช้มีมากมาย เช่น ว่านหางจระเข้ ใบบัวบก กะเพรา ทองพันชั่ง ขมิ้นชันซึ่งเป็นตัวเด่นที่สุดในสมุนไพรด้วยที่มีสรรพคุณมากเหลือเกิน
ขมิ้น เป็นพืชล้มลุกที่จัดอยู่ในตระกูลขิง มีเหง้าอยู่ใต้ดิน เนื้อในของเหง้าจะเป็นสีเหลือง มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว มีตั้งแต่สีเหลืองเข้มจนถึงสีแสดจัด ที่นิยมใช้มากคือนำไปประกอบอาหาร แต่งสี แต่งกลิ่นอาหาร เช่น แกงไตปลา แกงกะหรี่ ซึ่งอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด เช่น วิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 วิตามินซี วิตามินอี ธาตุแคลเซียม ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก เกลือแร่ต่าง ๆ คาร์โบไฮเดรต และโปรตีน
วิธีรับประทานขมิ้นชัน
การรับประทานขมิ้นตามเวลาที่อวัยวะต่าง ๆ ทำงาน จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพมากขึ้น โดยควรรับประทานขมิ้นชันตามเวลาต่อไปนี้
เวลา 03.00-05.00 น. ช่วงเวลาของปอด ช่วยในการบำรุงปอดให้แข็งแรง ป้องกันการเป็นมะเร็งปากมดลูก เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ผิวหนัง และช่วยเรื่องภูมิแพ้ หายใจไม่สะดวก
เวลา 05.00-07.00 น. ช่วงเวลาของลำไส้ใหญ่ ช่วยฟื้นฟูปลายประสาทของลำไส้ใหญ่ให้บีบรัดตัว เพื่อช่วยให้ขับถ่ายได้อย่างเป็นปกติ สำหรับผู้ที่ขับถ่ายไม่เป็นเวลาหรือรับประทานยาถ่ายมานาน ป้องกันการเกิดโรคริดสีดวงทวารและมะเร็งลำไส้ได้อีกด้วย
เวลา 07.00-09.00 น. ช่วงเวลาของกระเพาะอาหาร ช่วยลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ จุกเสียด แน่นท้อง ปวดเข่า ขาตึง บำรุงสมอง ป้องกันโรคความจำเสื่อมได้อีกด้วย
เวลา 09.00-11.00 น. ช่วงเวลาของม้าม ช่วยแก้ปัญหาเรื่องน้ำเหลืองเสีย มีแผลบริเวณปาก บรรเทาอาการของโรคเบาหวาน โรคเกาต์ การอ้วนเกินไปหรือผอมเกินไป
เวลา 11.00-13.00 น. ช่วงเวลาของหัวใจ ช่วยบำรุงหัวใจให้มีสุขภาพแข็งแรง การสูบฉีดเลือดมีประสิทธิภาพ
เวลา 15.00-17.00 น. ช่วงเวลาของกระเพาะปัสสาวะ ช่วยบำรุงหูรูดกระเพาะปัสสาวะให้แข็งแรง แก้อาการตกขาว และขับสารพิษออกไปจากร่างกายทางเหงื่อได้มาก
เวลา 17.00 น. เป็นต้นไป การรับประทานขมิ้นในช่วงนี้จะช่วยทำให้ความจำดีขึ้น เมื่อตื่นนอนจะไม่อ่อนเพลีย การขับถ่ายก็จะดีขึ้นด้วย
สรรพคุณของขมิ้น
1.ขมิ้นมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอวัยและชะลอการเกิดริ้วรอย
2.เสริมสร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกาย ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ผิวหนังมีสุขภาพดีแข็งแรง รักษาโรคผิวหนังมีฤทธิ์ในการต่อต้านและฆ่าเชื้อราที่เป็นสาเหตุของโรคผิวหนัง และต่อต้านยีสต์ซึ่งเป็นตัวที่ทำให้ภูมิคุ้มกันต่ำ ผดผื่นคันแก้ผื่นคันตามร่างกาย กลาก เกลื้อน โรคผิวหนังพุพอง ตุ่มหนองให้หายเร็วยิ่งขึ้น
3.ขมิ้นชันอาจมีบทบาทช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง เช่น โรคมะเร็งลำไส้ มะเร็งปากมดลูก มีฤทธิ์ในการต่อต้านการกลายพันธุ์ ต้านสารก่อมะเร็งที่มีความเกี่ยวข้องกับโรคที่เกิดจากการเสื่อมของร่างกาย
4.ขมิ้นสามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในร่างกายได้
5.ช่วยกำจัดสารพิษออกจากร่างกาย
6.บรรเทาอาการของโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคเกาต์ โรคระบบทางเดินหายใจที่มีอาการผิดปกติ ไอ ไข้หวัด ภูมิแพ้ หายใจไม่สะดวกให้มีอาการดีขึ้น
7.ขับน้ำนมของมารดาหลังคลอดบุตร
8.บำรุงสมอง ช่วยป้องกันโรคความจำเสื่อม
9.ลดการอักเสบ อาการแพ้
10.แก้อาการวิงเวียนศีรษะ
11.ป้องกันการแข็งตัวของหลอดเลือด
12.ต่อต้านอนุมูลอิสระในเม็ดเลือดแดงของผู้ป่วยธาลัสซีเมียฮีโมโกบิลอี
13.รักษาแผลที่ปาก สมานแผลตามร่างกาย รักษาแผลจากแมลงสัตว์กัดต่อย ด้วยการนำผงขมิ้นมาผสมกับน้ำแล้วทาลงบนบาดแผล
14.บำรุงปอดให้มีสุขภาพดีและแข็งแรง
15.บรรเทาอาการปวดท้อง อาการท้องเสีย อุจจาระร่วง ช่วยต่อต้านปรสิตหรือเชื้ออะมีบาที่เป็นต้นเหตุของโรคบิดได้
16.รักษาโรคกระเพาะอาหาร สมานแผลในกระเพาะอาหาร โรคลำไส้อักเสบ ลดการบีบตัวของลำไส้ รักษาอาการลำไส้ใหญ่บวม และทำความสะอาดลำไส้ ป้องกันการเกิดโรคริดสีดวงทวาร
17.ขับลม แก้อาการจุดเสียด แน่นท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อ
18.บรรเทาอาการนิ่วในถุงน้ำดี มีฤทธิ์ในการช่วยขับน้ำดี
18.บำรุงตับ ป้องกันตับอักเสบ ตับอ่อนอักเสบ และป้องกันตับจากการถูกทำลายด้วยยาพาราเซตามอล
20.บำรุงหูรูดกระเพาะปัสสาวะให้แข็งแรง
21.แก้อาการตกเลือด ด้วยการนำขมิ้นสดมาตำให้ละเอียด แล้วคั้นเอาน้ำมาผสมกับน้ำปูนใสแล้วรับประทาน
22.แก้อาการตกขาว
23.รักษาอาการปวดหรืออักเสบเนื่องจากไขข้ออักเสบ
24.แก้อาการน้ำเหลืองเสีย
25.ต่อต้านเชื้อแบคทีเรียและไวรัส เช่น แบคทีเรียที่ทำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหาร แบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรคท้องเสีย แบคทีเรียที่ทำให้เกิดหนอง
26.ทรีตเมนต์พอกผิวขัดผิวด้วยขมิ้น ช่วยให้ผิวพรรณนุ่มนวล ขาวผ่องใส เต่งตึง รักษาสิวเสี้ยน สิวผด สิวอุดตัน
27.ขมิ้นเป็นส่วนประกอบอย่างหนึ่งในเครื่องสำอางบำรุงผิวต่าง ๆ
28.ช่วยป้องกันแมลงศัตรูพืช
ผลข้างเคียงของขมิ้นชัน
ถึงแม้ขมิ้นชันจะมีประโยชน์มาก แต่ถ้าร่างกายได้รับมากเกินไปก็จะกลายเป็นโทษได้ เพราะผลข้างเคียง คืออาการแพ้ เช่น คลื่นไส้ ท้องเสีย ปวดหัว นอนไม่หลับ หากรับประทานแล้วมีอาการดังกล่าว ควรหยุดและหายาชนิดอื่นรับประทานแทน อาการท้องเสียนั้นเป็นอาการข้างเคียงทั่วไป ควรสังเกตอาการของตัวเองว่าเพิ่งมีปัญหาเมื่อตอนรับประทานขมิ้นชนหรือไม่ ถ้าใช่ก็ให้สงสัยไว้ก่อนว่าอาจเป็นผลข้างเคียงของขมิ้นชันก็ได้
ควรรับประทานขมิ้นชันอย่างเหมาะพอประมาณ พร้อมทั้งรับประทานอาหารครบ 5 หมู่ งดพฤติกรรมที่สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดโรคคือสิ่งที่ถูกต้อง เพราะบางสิ่งบางอย่างถึงแม้มันจะมีประโยชน์มากก็จริง แต่ถ้ามันมากเกินไปก็จะเป็นโทษต่อตัวเราได้ จึงไม่ควรรับประทานทานอย่างไร้สติ การรับประทานขมิ้นชันตามนาฬิกาชีวิต ซึ่งเป็นช่วงที่อวัยวะต่างๆ กำลังทำงาน ร่างกายจะได้รับประสิทธิผลเต็มพิกัด การรับประทานขมิ้นชันเพื่อการรักษาโรคใด ๆ ก็ตาม เมื่อรู้ว่าเป็นโรคอะไร แล้วรับประทานไปเรื่อย ๆ จนโรคนั้นหายไปแล้ว ก็ควรหยุดรับประทาน