เมื่ออายุมากขึ้นคนส่วนใหญ่มักจะละเลยปล่อยตัวเอง ไม่ควบคุมอาหารการกิน ไม่มีเวลาออกกำลังกาย ทำให้มีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น และมีไขมันไปสะสมตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายมากขึ้น ซึ่งทำให้หมดความมั่นใจได้ รวมไปถึงไขมันใต้คางหรือคางสองชั้นที่ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะกับคนอ้วนเพียงอย่างเดียว ปัจจัยที่ก่อให้เกิดเหนียงนั้นมีหลายอย่าง อาทิ พันธุกรรม หรือความหย่อนคล้อยของผิวหนัง หรือกล้ามเนื้อบริเวณใต้คาง เป็นต้น นอกจากนี้คนที่มีคางเล็กกว่าปกติจะสามารถเห็นเหนียงที่หย่อนคล้อยลงมาได้มากกว่าคนทั่วไปอีกด้วย
วิธีป้องกันการเกิดเหนียง
วิธีที่ง่ายที่สุดในการป้องกันไม่ให้เกิดไขมันส่วนเกินสะสมบริเวณใต้คาง คือ การควบคุมอาหาร และการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งวิธีเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยป้องกันการเกิดเหนียงได้เท่านั้น แต่ยังช่วยลดความเสี่ยงโรคร้ายแรงอื่น ๆ เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคมะเร็ง หรือโรคหลอดเลือดสมอง ส่งเสริมให้สุขภาพแข็งแรงขึ้นด้วย รูปร่างสมส่วน
บางคนมีสาเหตุการเกิดเหนียงจากพันธุกรรม อาจใช้วิธีออกกำลังกายและควบคุมอาหารได้ แต่อาจต้องใช้วิธีทางการแพทย์ช่วยด้วยเพื่อให้เหนียงลดลงได้เห็นผลชัดเจน
วิธีลดเหนียง
หากเหนียงเกิดขึ้นจากน้ำหนักที่ตัวมากขึ้น วิธีลดเหนียงทำได้โดยการควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย แม้กระทั่งศัลยกรรมซึ่งมีการพัฒนาอย่างต่อเนือง ซึ่งจะช่วยลดน้ำหนักตัวโดยรวมและเผาผลาญไขมันสะสมบริเวณต่าง ๆ รวมทั้งใต้คางออกไปได้ ซึ่งทำได้ด้วยหลายวิธีดังต่อไปนี้
1.ออกกำลังกาย
การออกกำลังกายเป็นสิ่งที่ดีที่สุดได้ผลที่สุดในการกำจัดเหนียงหรือไขมันส่วนเกินใต้คาง เพราะถ้าเราออกกำลังกายเป็นประจำสม่ำเสมอไขมันที่สะสมอยู่บริเวณคางหรือเหนียงจะค่อย ๆ ถูกเผาผลาญไปทีละน้อย และยังช่วยเพิ่มความกระชับเต่งตึงให้กับบริเวณใต้คางที่หย่อนคล้อยได้อีกด้วย แต่บางคนถึงจะลดน้ำหนักตัวได้ แต่เหนียงใต้คางอาจจะยังอยู่ซึ่งอาจจะมีหลายสาเหตุ เช่น กรรมพันธุ์ ถ้าอยากจะลดเหนียงหรือไขมันใต้คางก็ต้องออกกำลังกายหรือบริหารกล้ามเนื้อบริเวณคอ ซึ่งก็มีท่ากายบริหารบริเวณคอแบบง่าย ๆ ที่คุณสามารถสืบค้นและเลือกมาทำได้เอง และใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที ซึ่งหากทำเป็นประจำก็จะช่วยลดไขมันที่สะสมอยู่ใต้คางของคุณได้เป็นอย่างดี
2.เคี้ยวหมากฝรั่ง
เป็นอีกวิธีหนึ่งในการลดเหนียงใต้คางได้ เพราะได้บริหารขากรรไกรและช่วยระงับกลิ่นปาก ทำให้ได้ทั้งปากหอมแลกระชับเหนียงใต้คางอีกด้วย
3.ไข่ขาวช่วยได้
เริ่มจากนำไข่มาตอกแล้วแยกไข่ขาว นำมาทาใต้คางและแก้มที่หย่อนยาน โดยเริ่มจากใต้ใบหูข้างหนึ่งไปอีกข้างหนึ่ง โดยใช้หัวแม่มือแตะใต้กกหูแล้วค่อย ๆ ยกขึ้น วนไปตามแก้มและคาง กดและยกเบา ๆ ประมาณ 15 นาที จากนั้นให้ล้างออกด้วยน้ำสะอาด โดยให้ทำอาทิตย์ละ 2 ครั้ง
4.โบทอกซ์ (Botox)
การฉีดโบทอกซ์ก็สามารถช่วยลดเหนียงใต้คางได้เหมือนกันและเป็นที่นิยมอย่างมาก เป็นการศัลยกรรมที่ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น ประหยัดเงินและเวลาเป็นอย่างมาก ซึ่งจะเป็นการฉีดที่ใช้หลักการเดียวกันกับฉีดโบทอกซ์ลิฟต์หน้า เหมาะกับผู้ที่เหนียงหรือไขมันใต้คางไม่มากนัก
5.ฉีดสลายไขมันใต้คาง
หรือ ฉีดลดเหนียง หรือ เมโสลดเหนียง (เมโสแฟต – Meso fat) คือ การกำจัดไขมันและลดเซลลูไลต์ส่วนเกินเฉพาะที่ในบริเวณที่ฉีดโดยไม่ต้องทำการผ่าตัดให้ยุ่งยาก เป็นการฉีดตัวยาซึ่งมีสรรพคุณในการสลายไขมัน ณ บริเวณที่ฉีดเข้าไป โดยตัวยาจะเข้าไปทำให้ผนังไขมันเกิดการแตกตัวออกไขมันที่จับตัวกันเป็นก้อนจะสลายออกเป็นไขมันเหลวแล้วจะถูกขับออกทางปัสสาวะและอุจจาระ แนนำให้ทำติดต่อกันอาทิตย์ละ 2 ครั้ง ทำ 2-3 ครั้งก็น่าจะเห็นผล
6.ร้อยไหมลดเหนียง (ร้อยไหมคาง)
เป็นวิธีที่ช่วยลดเหนียงใต้คางอีกวิธีหนึ่งที่เป็นที่นิยมในปัจจุบัน โดยเป็นการยกกระชับผิวด้วยเทคนิคใช้เข็มที่มีเส้นไหมร้อยเข้าไปใต้ผิวหนังแล้วตึงผิวเพื่อช่วยปรับกระชับรูปหน้า ร้อยเก็บคาง ยกกระชับร่องแก้ม และเก็บขากรรไกรให้ดูคมขึ้น ซึ่งก่อนทำจะมีการแปะยาชาให้ก่อนเพื่อให้เกิดการบรรเทาอาการปวดในขณะทำ ไหมละลายตัวนี้เรียกว่า PDO Polydioxanone ซึ่งเป็นไหมที่เส้นเล็กมาก ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองน้อย และสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติหลังทำเสร็จ อาจจะมีการระบมเล็กน้อยสามารถประคบเย็นช่วยได้ ถ้ามีอาการปวดร่วมด้วยก็สามารถรับประทานยาแก้ปวดได้ ซึ่งจะมีอาการแค่ 2-3 วันแรกและจะค่อย ๆ ดีขึ้น
7.ดูดไขมันใต้คาง
แบบที่ 1 Vaser Liposelection
- เป็นการดูดสลายไขมันโดยใช้เทคโนโลยีคลื่นเสียง (Ultrasound) เพื่อให้ไขมันเกิดการแตกตัวหรือสลายตัวเป็นของเหลวเพื่อให้เข้าไปดูดออกมาได้โดยง่าย ซึ่งสามารถเลือกตำแหน่งที่ต้องการดูดไขมันได้อย่างเฉพาะเจาะจง โดยไม่ทำให้เกิดอันตรายต่อเนื้อเยื่อข้างเคียง หลังทำเสร็จจะเห็นความแตกต่างได้ค่อนข้างชัดเจน แต่ถ้าดูแลร่างกายไม่ดี ก็อาจจะกลับมาเป็นได้อีก และต้องออกกำลังกายควบคู่ด้วยเพื่อให้กระชับคงทนนาน เห็นผลตามต้องการ
แบบที่ 2 Liposculpture
- เป็นอีกหนึ่งในวิธีการรักษาทางการแพทย์ที่ช่วยสลายไขมันส่วนเกินด้วยการใช้ความร้อนก่อนจะดูดไขมันออกมา โดยก่อนดูดไขมันจะต้องฉีดยาชาเฉพาะจุดให้เพื่อลดความเจ็บปวดระหว่างการทำ ทั้งนี้การดูดไขมันจะทำได้เพียงสลายไขมันส่วนเกินเท่านั้น แต่ไม่สามารถกำจัดผิวหนังส่วนเกินที่เกิดจากการหย่อนคล้อยได้ ดังนั้ต้องออกกำลังกายควบคู่ด้วยเพื่อให้กระชับ แต่การดูดไขมันอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ เช่น อาการบวม รอยฟกช้ำ และอาการเจ็บปวดที่บริเวณแผล เป็นต้น สามารถใช้การประคบเย็นและรับประทานยาแก้ปวดช่วยได้
8.เทอร์มาจ (Thermage)
หรือการใช้คลื่นวิทยุ (RF) มาทำให้ผิวหนังบริเวณที่หย่อนคล้อยเกิดการหดกระชับโดยไม่ต้องพึ่งมีดหมอในการทำศัลยกรรม และไม่ทำให้เกิดแผล ไม่ต้องพักฟื้นหลังทำสามารถกลับไปใช้ชีวิตตามปกติ โดยทำเพียงครั้งเดียวก็เห็นผล (เห็นผลมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับว่ามีไขมันอยู่มากแค่ไหน) ไม่ต้องเสียเวลาทำหลาย ๆ ครั้ง ไม่ต้องทำบ่อย แค่ปีละ 1 ครั้ง ผิวใต้คางกระชับตึงโดยไม่ต้องมีแผล
9.การควบคุมอาหาร
ควบคุมปริมาณการบริโภคอาหารต่อมื้อ และรับประทานผักผลไม้เป็นประจำทุกวัน รับประทานธัญพืชที่ไม่ผ่านการขัดสีให้มากขึ้น หลึกเลี่ยงอาหารจำพวกแป้งและเนื้อสัตว์ติดมัน แนะนำให้หันมารับประทานโปรตีนที่มีไขมันน้อยแทน ลดอาหารประเภททอดให้น้อยลง และอาหารที่ผ่านการแปรรูปก็เช่นกัน ลดปริมาณการบริโภคน้ำตาลลง รับประทานอาหารที่มีไขมันดีต่อสุขภาพ
10.การผ่าตัดยกกระชับผิวหนังบริเวณใบหน้า (Neck Lift)
เป็นการผ่าตัดที่ช่วยยกกระชับผิวหนังบริเวณคอและกราม ช่วยกำจัดปัญหาผิวหนังหย่อนคล้อยใต้คางที่เป็นสาเหตุของเหนียงได้ ให้กระชับเรียบตึง ต้องใช้เวลาในการพักฟื้นสักหน่อย มีแผลต้องดูแลทำความสะอาดทุกวัน ปวดก็สามารถรับปรทานยาแก้ปวดตามแพทย์สั่ง
ข้อควรระวังในการลดเหนียง
การลดเหนียงที่ปลอดภัยที่สุดคือ วิธีการออกกำลังกายและการควบคุมน้ำหนักเป็นวิธีการรักษาที่ได้ผลแต่อาจต้องใช้เวลานาน ในขณะที่การรักษาด้วยวิธีทางศัลยกรรมนั้นให้ผลที่ค่อนข้างเร็วแต่ก็มีความเสี่ยงที่ควรระวังดังนั้นจะต้องทำการศึกษาและหาข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจเลือกทำ หากเป็นการผ่าตัดยกกระชับผิวหนังบริเวณใต้คาง จะต้องเข้าใจว่าผลของการผ่าตัดไม่สามารถอยู่ได้ตลอดไป เพราะหากอายุมากขึ้น หรือน้ำหนักตัวมากขึ้นปัญหาคางสองชั้นก็กลับมาได้เช่นกัน
หน้าเล็กไร้เหนียง คองามระหง เป็นความใฝ่ฝันของสาว ๆ ทุกคน ดังนั้นจึงวิธีการลดเหนียงมากมายให้เลือกสรรเพื่อให้เหมาะกับวิถีการดำเนินชีวิตและงบประมาณของแต่ละคนทุกคนสามารถสืบค้นได้หลายช่องทางเพื่อนำมาประกอบการตัดสินใจ ซึ่งมีทั้งแบบธรรมชาติค่อยเป็นค่อยไปและแบบศัลยกรรมได้ผลแบบเร่งด่วนทันใจ