ริมฝีปากแห้ง จากสภาพอากาศที่หลากหลาย

ริมฝีปากแห้ง

จากสภาพอากาศที่หลากหลาย ทั้งอากาศร้อน หนาวเย็น ลมพัด และแสงแดด หลีกเลี่ยงไม่ได้เลยที่สภาพผิวพรรณจะมีปัญหา โดยเฉพาะริมฝีปากที่เสียความชุ่มชื้นได้ง่ายกว่าบริเวณอื่น ๆ ของร่างกาย เพราะไม่สามารถผลิตน้ำมันออกมาเองได้ เชื่อเถอะว่าไม่มีใครอยากเห็นริมฝีปากที่แห้งแตกเป็นขุยอย่างแน่นอน 

ปากแห้งเกิดจากน้ำลายน้อย หรือภาวะ Xerostomia คือภาวะที่ต่อมน้ำลายไม่สามารถผลิตน้ำลายเพื่อใช้ในการรักษาความชุ่มชื่นในปากได้ จึงทำให้ปากแห้ง ดังนั้นการหันมาดูแลริมฝีปาก จะช่วยทำให้ดูดีมีเสน่ห์มากขึ้น 

ถ้ามีอาการปากแห้งแตกอย่างรุนแรงและต่อเนื่อง ไม่ควรรีรอปล่อยให้ลุกลาม ควรรีบไปพบแพทย์ เช่น

1.อาการเจ็บแสบหรือแดง ซึ่งอาจเกิดจากการติดเชื้อ  

2.ปากแห้ง แตก หรือลอกอย่างรุนแรง

3.ริมฝีปากเป็นสีชมพูเข้มหรือสีแดง

4.ริมฝีปากมีผิวสัมผัสที่ไม่ราบเรียบ

5.เกิดเป็นแผลเปื่อย แผลอักเสบ หรือแผลพุพอง

6.เกิดเป็นคราบขาวที่ริมฝีปาก

สาเหตุของริมฝีปากแห้ง

สาเหตุของริมฝีปากแห้ง

ริมฝีปากไม่มีต่อมน้ำมันเหมือนกับผิวหนัง จึงทำให้เสียความชุ่มชื้นและทำให้ปากแห้งได้ง่าย โดยมีหลายสาเหตุที่ทำให้ปากแห้ง เช่น

1.สภาพอากาศ ปากแห้งมักเกิดขึ้นในสภาพอากาศหนาวเย็น มีลมพัดและแห้ง แต่เมื่ออากาศร้อน และต้องสัมผัสกับแสงแดดมากเกินไปก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ปากแห้งมากขึ้นได้

2.ภาวะขาดน้ำ การดื่มน้ำไม่เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย เสียเหงื่อปริมาณมาก อาเจียน ท้องเสีย เป็นไข้ ทำให้ปาก ได้รับน้ำไม่เพียงพอที่จะรักษาความชุ่มชื้นของร่างกาย

3.ผลข้างเคียงจากการใช้ยา อาจเกิดจากจากการใช้ยาบางชนิดที่ทำให้เกิดอาการปากแห้งได้ เช่น ยารักษาโรคพาร์กินสัน โรคเบาหวาน โรคอัลไซเมอร์ การติดเชื้อในช่องปาก

4.เกิดจากเส้นประสาทเสียหาย อาจเกิดจาการผ่าตัดหรือได้รับบาดเจ็บบริเวณศีรษะ คือ เส้นประสาทได้รับความเสียหาย ทำให้ปากแห้งได้

5.เกิดจากผลข้างเคียงการเป็นโรคมะเร็ง การได้รับเคมีบำบัด อาจทำให้เกิดผลกระทบต่อการผลิตน้ำลาย แต่จะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวหรือถาวรขึ้นอยู่กับปริมาณและบริเวณที่รับการรักษา

6.เกิดจากความเปลี่ยนแปลงของวัย วัยผู้สูงอายุเกิดการปากแห้งสูง เนื่องจากการใช้ยา การเปลี่ยนแปลงของร่างกาย การมีโรคประจำตัว ป่วย การรับสารอาหารที่ไม่เพียงพอ

7.การเลียริมฝีปาก บางคนชอบเลียริมฝีปากตนเองจนติดเป็นนิสัย พฤติกรรมนี้จะทำให้ปากแห้งยิ่งขึ้น เพราะน้ำลายจะดึงเอาความชุ่มชื้นจากริมฝีปาก

8.ความไวต่ออาหารบางชนิด หากริมฝีปากต้องสัมผัสกับอาหาร เช่น ผลไม้ตระกูลส้ม มะม่วง และอบเชย ก็อาจทำให้เกิดการระคายเคืองและอักเสบได้

9.การใช้ผลิตภัณฑ์บางชนิด เช่น ลิปบาล์ม ลิปสติก ยาสีฟัน น้ำยาบ้วนปาก หรือครีมกันแดด ซึ่งอาจมีส่วนผสมที่ระคายเคืองต่อริมฝีปากได้

10.โรคเรื้อรังหรือภาวะทางผิวหนัง โรคเรื้อรังบางชนิด อาจส่งผลให้ปากแห้ง แตก หรือระคายเคืองได้ เช่น โรคผิวหนังอักเสบ โรคไลเคนพลานัส โรคพุ่มพวงหรือโรคแพ้ภูมิตัวเอง 

11.อาการผิดปกติของร่างกายต่าง ๆ เช่น อาการร้อนใน เนื่องจากอาการร้อนในจะทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำมากขึ้นรวมทั้งริมฝีปากด้วย

12.หลังรับประทานผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวและไม่ได้ล้างปากให้สะอาด อีกสาเหตุหนึ่งที่คาดไม่ถึง เพราะกรดในผลไม้ คือ เอเอชเอจะเข้าไปทำลายความชุ่มชื้นที่ริมฝีปาก

การป้องกันและรักษาริมฝีปากแห้ง

การป้องกันและรักษาริมฝีปากแห้ง

เราสามารถดูแลรักษาริมฝีปากแห้งให้กลับมาดูดีได้ไม่ยาก เพียงดูแลให้ริมฝีปากมีความชุ่มชื้นอยู่เสมอ ด้วยวิธีต่อไปนี้

1.ดื่มน้ำเป็นประจำอย่างเพียงพอวันละ 8-10 แก้ว อย่างสม่ำเสมอ เพิ่มความชุ่มชื้นของผิวหนังและริมฝีปาก เพื่อให้เกิดความชุ่มชื้น ดื่มน้ำเพียงพอ

2.เลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง เลี่ยงการเม้มปาก เม้ม หรือกัดริมฝีกปากบ่อยเกินไป เพราะน้ำลายจะทำลายความชุ่มชื้นบนริมฝีปากและยิ่งทำให้ปากแห้งลงเพราะยิ่งทำให้สูญเสียความชุ่มชื้นและริมฝีปากแห้งมากขึ้น

3.น้ำอุ่นผสมเกลือ ในรายที่ปากแห้งลอกแตกเป็นขุย ๆ ให้ใช้น้ำอุ่นผสมเกลือป่น เอาสำลีชุบพอเปียกหมาด ๆ ทาทิ้งไว้ประมาณ 3-5 นาที หรือเช็ดเบา ๆ ทั่วริมฝีปาก จะช่วยให้ขุยต่าง ๆ หลุดออกได้

4.รับประทานอาหารให้ถูกหลัก รับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินบี เช่น ธัญพืชไม่ชัดขาว ผักใบเขียว ถั่วเปลือกแข็ง อาหารที่มีวิตามินเอ วิตามินซี ผลไม้ตระกูลเบอรี่ ผักใบเขียว ไข่ กระเทียม หน่อไม้ฝรั่ง รับประทานในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อช่วยทำให้ผิวพรรณรวมทั้งริมฝีปากดูสดชื่นและเต่งตึง

5.ใช้ลิปบาล์มที่มีส่วนประกอบของปิโตรเลียมและขี้ผึ้ง เลือกที่เหมาะกับตนเอให้ความชุ่มชื้นง ซึ่งอาจจะเลือกใช้ลิปบาล์มชนิดป้องกันแสงแดดที่มีค่าเอสพีเอฟ (SPF) 15 ขึ้นไปได้ด้วย ถ้าต้องมีกิจกรรมที่ต้องสัมผัสแดดเป็นเวลานาน 

6.หากต้องอยู่ที่ที่มีสภาพอากาศที่หนาวจัด ควรใช้ผ้าคลุมปากเอาไว้เพื่อป้องกันไม่ให้ริมฝีปากสัมผัสกับอากาศที่หนาวจัด

7.หากปากแห้งแตกและลอกเป็นขุย ไม่ควรดึง แกะ หรือลอกออกมาเพราะจะยิ่งทำให้เป็นมากขึ้น 

8.หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์หรือสิ่งที่อาจทำให้เกิดการระคายเคือง เช่น ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว น้ำหอม ที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง

9.ใช้เครื่องทำความชื้นในอากาศ เพื่อปรับสภาพอากาศที่มีอากาศแห้งและเย็นให้มีความชื้นเพิ่มขึ้น

10.หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับแสงแดดโดยไม่จำเป็น

11.รักษาแผลเรียวปากแห้งแตกด้วยน้ำผึ้งแท้ น้ำผึ้งมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อโรคอ่อน ๆ มันจึงสามารถนำมาใช้รักษาบาดแผลริมฝีปากที่แห้งแตกและลอกจนแสบได้ดี

12.ริมฝีปากก็ต้องผลัดเซลล์ผิว หากว่าปากแห้งแต่ยังไม่มีอาการปากแตก อาจเกิดจากเซลล์ผิวหนังตายแล้วเกาะอยู่บนริมฝีปาก สามารถกำจัดมันออกไปด้วยการใช้สครับสำหรับริมฝีปาก เพื่อลอกเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วออกไป

13.ทาด้วยออยล์หรือน้ำมันที่สกัดจากธรรมชาติ ก็สามารถช่วยทำให้ปากชุ่มชื้นได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง เช่น น้ำมันละหุ่ง น้ำมันมะกอก น้ำมันสกัดจากเมล็ดทานตะวัน โจโจบาออยล์ ฯลฯ 

14.ทาริมฝีปากด้วยอโลเวร่าเจล เป็นที่ทราบกันดีว่าอโลเวล่าหรือว่านหางจระเข้นั้น มีคุณสมบัติในการบำรุงรักษาเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว 

15.หากดูแลรักษาด้วยตนเองแล้วอาการไม่ดีขึ้นและปากแห้งต่อเนื่องไม่หาย ควรไปพบแพทย์ผิวหนัง 

หลาย ๆ คนจะดูแลปกป้องผิวหน้าและผิวกายเป็นอย่างดี แต่ละเลยริมฝีปากที่เป็นส่วนสำคัญ ซึ่งเป็นส่วนที่อ่อนโยนและบอบบางกว่าผิวหนังส่วนอื่น การบำรุงริมฝีปากให้เนียนนุ่ม ชุ่มชื้น ไม่ให้ริมฝีปากแห้ง แตก และเป็นขุยจึงเป็นเรื่องละเอียดอ่อน จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องรู้ถึงต้นตอของปัญหา ดังนั้นจึงควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง เพื่อนำไปสู่การป้องกันและแก้ไขได้อย่างถูกวิธี

Back To Top