สวยอย่างมั่นใจเป็นสิ่งที่ส่งเสริมให้ผู้หญิงดูดี สง่างาม แต่เมื่อใดมีร่องรอยบางอย่างเกิดขึ้น เช่น แผลเป็น ก็จะทำให้ความมั่นใจลดลง โดยเฉพาะรอยแผลเป็นที่ปูดนูนเห็นเด่นชัดอยู่บนผิว ถ้าแผลเป็นนั้นอยู่ในตำแหน่งที่คนอื่นมองเห็นชัดเจน เช่น หลัง ไหล่ ก็ต้องหาเสื้อผ้าที่ใส่แล้วช่วยปกปิด อยากแต่งตัวเซ็กซี่เปิดหลังเปิดไหล่ก็ทำไม่ได้ บางทีก็มีอาการคันจนสร้างความรำคาญใจ
ลักษณะของแผลเป็นมีหลายลักษณะ เช่น แผลเป็นที่มีสีไม่เหมือนผิวปกติ แผลเป็นนูน หรือแผลเป็นชนิดคีลอยด์ ที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ และอาการเจ็บและคันร่วมด้วย การรักษาทำได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับลักษณะของแผลเป็น และขนาดของแผลเป็น บริเวณที่เป็น แพทย์อาจใช้วิธีเดียวหรือหลายๆ วิธีร่วมกันเพื่อให้ผลออกมาดีที่สุด
ลักษณะของแผลเป็น ตามประเภท
1.คีลอยด์ (Keloid) คือ แผลเป็นโตนูน และล้ำออกนอกขอบแผล เกิดจากการสร้างและเรียงตัวของคอลลาเจนมากเกินปกติ
2.แผลเป็นนูน (Hypertrophic scars) มีลักษณะนูน แดง คล้ายคีลอยด์ แต่ไม่ออกนอกรอยแผลเดิม
3.แผลเป็นหดรั้ง (Contracture Scar) เกิดตามหลังไฟไหม้ น้ำลวก มีการบีบรัด รั้ง ทำให้ข้อต่อบริเวณที่เป็น ขยับไม่ได้ และลงลึกได้ถึงกล้ามเนื้อ ปลายประสาท
4.แผลเป็นจากสิว (Acne Scar) มีได้หลายลักษณะ ตั้งแต่เป็นหลุมแคบลึก เว้าโค้งยุบตัว เลเซอร์ช่วยได้มากในแผลเป็นที่เกิดจากร่องรอยสิวทำให้เรียบเนียนดีขึ้น
วิธีการรักษาแผลเป็น
1.ใช้ยาทาลดรอยแผลเป็น เช่น ยากลุ่มสเตียรอยด์ ยาซิลิโคนเจลที่มีวิตามิน E หรือวิตามิน A เป็นส่วนประกอบ
2.ฉีดสารเติมเต็ม ถ้าเป็นรอยบุ๋ม เพื่อให้แผลตื้นขึ้น
3.การสักสีผิว ในแผลเป็นที่มีสีเข้มหรืออ่อนกว่าสีผิวปกติ
4.การใช้เลเซอร์ ลบรอยแผลเป็นตื้น ๆ
5.ผลัดผิวด้วย MD ขจัดเซลล์ผิวเก่า เพื่อให้เกิดการสร้างผิวใหม่มาทดแทน
6.การฉายรังสี ป้องกันไม่ให้แผลเป็นนูนมากขึ้น
การรักษาแผลเป็น เป็นการรักษาที่ต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โดยจะเลือกวิธีการรักษาให้เหมาะกับลักษณะของแผลเป็น เพื่อให้ผลการรักษาออกมาดี และไม่ให้เกิดแผลเป็นซ้ำขึ้นมาอีกด้วย ที่นิยมมากในตอนนี้ คือ การเลเซอร์นั่นเอง เนื่องจากเห็นผลลัพธ์ชัดเจน
เลเซอร์ผิว (Skin Laser)⠀คือ กระบวนการรักษาผิวด้วยเลเซอร์ ซึ่งสามารถช่วยแก้ไขปัญหาผิวพรรณได้มากมายหลากหลาย เช่น ลดรอยดำ รอยแผลเป็น ผิวไม่สม่ำเสมอ หลุมสิว และลบรอยสัก เป็นต้น พลังงานจากแสงเลเซอร์จะทำให้เม็ดสีแตกตัวออก และย่อยสลาย ก่อนจะถูกกำจัดด้วยการขับเป็นของเสียออกจากร่างกาย
เลเซอร์ที่นำมาใช้รักษาผิวมีหลายแบบ แต่ละแบบจะเหมาะกับการแก้ปัญหาผิวแตกต่างกันไป สามารถรักษาได้เฉพาะจุด และมีผลข้างเคียงน้อยหรืออาจไม่มีเลย
เลเซอร์ PicoWay เป็นเทคโนโลยีเลเซอร์ที่ทันสมัยมากที่สุดในปัจจุบัน มีประสิทธิภาพการแก้ไขปัญหาหลุมสิว ริ้วรอย จุดด่างดำ ด้วยการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินภายในผิวอย่างอ่อนโยน ช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาว์ และยังสามารถลบรอยสักที่มีหลายสีและรอยสักที่ไม่สามารถลบออกได้อีกด้วย จุดเด่น คือ ใช้พลังงานเลเซอร์ Picosecond ที่ปล่อยคลื่นแสงที่มีพลังงานสูงออกมาในระยะเวลาสั้นมาก เกิดความร้อนต่ำ และทำให้เม็ดสีที่ผิวแตกตัวเป็นอนุภาคเล็ก ๆ ทำให้ผลลัพธ์ออกมาดี ค่อนข้างปลอดภัย และเกิดผลข้างเคียงน้อย
ขั้นตอนการรักษาแผลเป็นด้วย PICOWAY
1.เริ่มจากการทำความสะอาดผิว และทายาชา 30-60 นาทีร่วมด้วย เมื่อทำ PICOWAY Laser ลบรอยสักและรอยแผลเป็น เราจะมีความรู้สึกเหมือนมีอะไรแหลม ๆ ทิ่มลงบนผิวเล็กน้อย
2.ใช้เวลาประมาณ 30-45 นาที ขึ้นกับลักษณะ ขนาด และบริเวณของแผล
3.หลังทำเลเซอร์เสร็จ จะแพ็คเย็นต่อ บางรายจะมีอาการ ผิวแดง ผิวบวม 1-2 วัน ขึ้นอยู่กับผิวของแต่ละบุคคล
ข้อดีของเครื่อง PICOWAY
หลังทำจะไม่มีแผลตกสะเก็ด ไม่ต้องพักฟื้น และเจ็บน้อยกว่าเมื่อเทียบกับเครื่องเลเซอร์รุ่นอื่น ๆ รวมทั้งไม่มีผลข้างเคียงเหมือนการรักษาด้วยเลเซอร์รุ่นเดิม ๆ
PICOWAY ยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ชั้นผิว ช่วยซ่อมแซมเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ เนื้อเยื่อบริเวณรอยแผลเป็นให้เรียบเนียน ช่วยให้ผิวแข็งแรง เปล่งปลั่ง สดใส และดูอ่อนเยาว์ลง
PICOWAY ที่มีความถี่ระดับ Picosecond นี้ จะสามารถทำให้เม็ดสีหรือหมึกรอยสัก แตกตัวได้มากและกลายเป็นอนุภาคที่มีขนาดเล็กมาก ๆ และถูกกำจัดออกจากร่างกายได้ง่าย ส่งผลให้การลบรอยสักและเม็ดสี ได้ผลดีขึ้นและใช้จำนวนครั้งน้อยลง
ข้อเสียของเครื่อง PICOWAY
1.เลเซอร์มีราคาที่ค่อนข้างสูง คลินิกบางแห่งอาจไม่รวมค่ายาชากับค่ารักษา ดังนั้นเราอาจจะต้องจ่ายเงินเพิ่ม
2.มีรอยแดงและบวมหลังจากทำ ส่วนใหญ่มักจะมีการประคบเย็นให้หลังทำ
Pulsed Dye Laser เป็นวิธีที่ยิงไปบนแผลเป็นที่มีรอยแดง เช่นแผลสิวแดง ๆ หรือแผลที่นูนแบบคีลอยด์ก็ได้ หลังทำจะไม่เกิดแผลซ้ำ เลเซอร์จะลงไปที่หลอดเลือดฝอยบริเวณแผลทำให้แผลแดงน้อยลง แบนลง รอยจางลง แต่ก็ต้องยิงซ้ำหลายครั้ง ยิ่งมากครั้ง ก็ยิ่งดีขึ้น
Fractional Laser วิธีนี้จะค่อนข้างเจ็บตอนทำ มักจะทาครีมยาชาก่อนทำ เลเซอร์จะส่งพลังงานลึกลงไปในผิว เป็นหย่อมเล็กมาก ๆ เป็นการกระตุ้นเนื้อเยื่อรอบ ๆ ให้จัดเรียงตัวใหม่ จึงทำให้การรักษาค่อนข้างได้ผลดีกว่าแบบแรก แผลเป็นที่เป็นหลุมบ่อ หลุมสิว เรียบเนียนคอลลาเจนเพิ่มขึ้น แผลเป็นนูน เช่น คีลอยด์ หรือแผลผ่าตัดที่นูนใหญ่ ก็จะแบนลง เนื้อแผลจะอ่อนนุ่มใกล้เคียงเนื้อปกติมากขึ้น แต่ก็ต้องทำหลายครั้งเช่นกัน การทำเลเซอร์ลบรอยแผลเป็น วิธีการรักษาแบบใหม่ มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการทายามาก แต่ผลการรักษาให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า เหมาะกับแผลเป็นที่เกิดในบริเวณเด่นชัด
การเตรียมตัวก่อนรับบริการ
1.ควรศึกษาข้อมูลและปรึกษาแพทย์ก่อนทำ
2.ควรงดสูบบุหรี่ 1 สัปดาห์ก่อนเลเซอร์ เพราะสารเคมีจากบุหรี่อาจทำให้ผิวฟื้นตัวได้ช้า
3.งดรับประทานยาที่ทำให้เลือดออกมาก เช่น ยาละลายลิ่มเลือด แอสไพริน วิตามินอี วิตามินบี 12 ก่อนเลเซอร์ 2-3 วัน
4.ควรหลีกเลี่ยงการออกแดด เพราะอาจทำให้ผิวระคายเคืองได้ งดกิจกรรมที่ต้องตากแดดเป็นเวลานาน เช่น ไปเที่ยวทะเล หรือเล่นกีฬากลางแจ้งในช่วง 2 สัปดาห์ก่อนทำเลเซอร์
5.วันที่เข้ารับการทำเลเซอร์ ควรงดแต่งหน้าหรือใช้เครื่องสำอาง เพื่อป้องกันการระคายเคือง
6.หากมีการแพ้ยา แพ้อาหาร มีโรคประจำตัว ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อน
7.งดทาครีมที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ 2-3 วันก่อนรับบริการ
8.งดแว็กซ์ผิว ขัดผิว สครับผิว นวดหน้า โกนขน ดึงขน 2-3 วันก่อนทำเลเซอร์
9.ควรงดการกำจัดขนด้วยเครื่อง Electrolysis ก่อนการเลเซอร์อย่างน้อย 4-6 สัปดาห์
การดูแลหลังรับบริการ
1.สามารถแต่งหน้า และปฏิบัติตัวได้ตามปกติ
2.ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดอาจจะต้องกางร่มหรือสวมหมวกปีกกว้าง ไม่ควรอาบแดด ซาวน่า ถูกแสงแดดหรือความร้อนจัด
3.ทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF ไม่น้อยกว่า 50 เป็นประจํา
4.ควรใช้โฟมล้างหน้าหรือคลีนซิ่งที่อ่อนโยนต่อผิว และล้างหน้าออกให้หมดจด หรือจะให้น้ำเกลือเช็ดก็ได้
5.ไม่ควรล้างหน้าโดยการถูแรงๆ และล้างแค่วันละ 2 ครั้งเท่านั้น จะได้ไม่ทำให้ผิวหน้าระคายเคือง
6.ไม่ควรทาครีมมีส่วนผสมของวิตามิน A วิตามิน C หรือครีมกลุ่ม AHA
7.ควรทามอยส์เจอร์ไรเซอร์ทั้งในระหว่างวันและก่อนนอน
8.รับประทานอาหารให้ครบถ้วน ดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวัน
- ลดความเครียดวิตกกังวล พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายเป็นประจำ
ข้อห้ามสำหรับการทำเลเซอร์ผิว
1.สตรีตั้งครรภ์
2.อยู่ระหว่างรักษาโรคผิวหนัง
3.ติดเชื้อบริเวณที่จะทำเลเซอร์
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
1.ผิวหนังบริเวณที่เลเซอร์อาจจะแดงหรือบวมเล็กน้อยหลังทำ แต่จะหายได้เองภายในไม่กี่วัน
2.อาจมีอาการเจ็บและแสบร้อน สามารถบรรเทาได้ด้วยการประคบด้วยน้ำเย็น
3.ผิวบริเวณที่ทำเลเซอร์อาจมีสีเข้มขึ้นแต่จะค่อยๆ จางลงไป
แผลเป็นอาจจะไม่ใช่ปัญหาที่มีอันตรายแต่ส่งผลกระทบทางใจค่อนข้างมาก ทำให้ขาดความมั่นใจในการเข้าสังคม เลเซอร์แผลเป็นตอบโจทย์ได้อย่างน่าพึงพอใจ เพราะเห็นผลได้ตั้งแต่ครั้งแรก แต่ถ้าทำต่อเนื่อง 4-5 ครั้งก็จะยิ่งเห็นผล แผลเป็นจางลง รอยแดงและรอยดำจางลง แผลเป็นที่เป็นหลุมจะตื้น หากเป็นแผลเป็นนูนก็จะเนียนเหมือนผิวจริงมากยิ่งขึ้น แต่ถึงกระนั้นก่อนทำควรหาข้อมูลให้ละเอียด และเลือกสถานพยาบาลที่สะอาดและได้มาตราฐาน เพื่อความปลอดภัยและได้รับผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพอย่างมาก