กัวซา ศาสตร์การบำบัดแผนจีน

กัวซา

การปราศจากโรคคือลาภอันประเสริฐ์ เป็นคำกล่าวที่ถูกต้องที่สุดและเป็นที่ต้องการของทุกคนเช่นกัน ยุคปัจจุบันการพัฒนาทางด้านการแพทย์มีอย่างแพร่หลายมีนวัตกรรมใหม่เกิดขึ้นมาเรื่อย ๆ เพื่อตอบโจทย์ให้คลอบคลุมกับความต้องการในการดูแลสุขภาพให้แข็งแรงปราศจากโรคภัย และมีอายุยืนยาว การแพทย์อยู่คู่กับคนเรามาตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบันและจะยังอยู่ไปเรื่อย ๆ มีความหลากหลายมากขึ้น ไม่ว่าจะฝั่งตะวันตก ตะวันออก ยุโรป เอเชีย แผนไทย แผนจีนซึ่งเป็นศาสตร์การรักษาของจีนที่มียาวนานกว่าพันปี และได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ทั้งการฝังเข็ม การครอบแก้ว กัวซา สมุนไพร เป็นต้น

พอนึกถึงแพทย์แผนจีนคนส่วนใหญ่ก็จะนึกถึง การฝังเข็ม แต่จริง ๆ แล้วการรักษาในแบบแพทย์แผนจีนนั้นมีหลากหลายมาก กัวซา ก็คือหนึ่งในนั้นที่ได้รับความนิยมในประเทศไทยเช่นกัน

แพทย์แผนจีนเชื่อว่า ความเจ็บป่วยเกิดจากปัจจัยภายนอกและภายในร่างกาย ปัจจัยภายนอก เช่น การได้รับเชื้อ ไวรัส แบคทีเรีย การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ส่วนปัจจัยภายใน เช่น การที่เลือดลมในร่างกายติดขัดไหลเวียนไม่สะดวก ความเจ็บป่วยเรียกว่า “พิษ” และเชื่อว่า กัวซาสามารถถอนพิษ หรือล้างพิษออกจากร่างกายได้ส่งผลดีต่อสุขภาพ 

กัวซา

กัวซา หรือกวาซา (Gua sha หรือ Skin scraping) เป็นศาสตร์การบำบัดแผนจีน  ที่ใช้เทคนิคการรักษาโดยใช้อุปกรณ์เฉพาะที่มีลักษณะโค้งมน เรียบ และลื่น เช่น หินหยก ช้อนโลหะ เหรียญโลหะ มากดและขูดตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนเลือด ล้างพิษในร่างกาย เพิ่มพลังชีวิต ต้านการอักเสบ แก้อาการปวดคอ ปวดหลัง ปวดประจำเดือน และเต้านมคัดของหญิงตั้งครรภ์

เชื่อกันว่า การขูดกัวซาเหมือนการเอกซเรย์ร่างกาย ถ้าส่วนไหนมีความผิดปกติ หรือมีพิษ เมื่อขูดกัวซาโดยจะขูดตำแหน่งละ 10-50 ครั้ง จะส่งผลทำให้เกิด “ซา” หรือจุดแดง คือเลือดที่ติดขัดมีของเสียอุดตันอยู่ในเส้นเลือด ยิ่งมีรอยมากเท่าไหร่ ก็แสดงว่ามีพิษสะสมในร่างกายมากเท่านั้น เมื่อทำการกัวซาบ่อยครั้ง ร่องรอยก็จะลดน้อยลง หมายความปริมาณของเสียที่เคยคั่งค้างในหลอดเลือดลดลง

เฉดสีที่เกิดขึ้นหลังการทำกัวซาแต่ละตำแหน่ง จะบอกถึงระดับความรุนแรงของพิษที่สะสมในร่างกาย หรืออาการเจ็บป่วยในร่างกายได้ รอยผื่นสีต่างๆ ที่เกิดจากการกัวซา จะค่อยๆ จางหายไปเองภายใน 3-7 วัน ระยะเวลาช้า หรือเร็วนี้ ขึ้นอยู่กับผื่นสีที่เกิดขึ้นด้วย ซึ่งสีชมพูระเรื่อนั้นจะหายเป็นปกติได้เร็วที่สุด ยิ่งสีเข้มมากก็จะยิ่งใช้เวลานาน รอยที่เกิดขึ้นมักจะมีสี ดังนี้

1.ไม่มีรอย หรือมีสีชมพูระเรื่อ หมายถึง สุขภาพดี

2.สีแดงเป็นปื้น หมายถึง เริ่มมีพิษสะสมในร่างกาย

3.สีแดงเป็นจ้ำๆ จุดๆ หมายถึง มีพิษสะสมในร่างกายปานกลาง

4.สีแดงเข้มและช้ำ หมายถึง มีพิษสะสมในระดับมาก

5.สีแดงช้ำมากจนเป็นสีม่วง หรือสีดำ หมายถึง มีพิษสะสมมาก ถึงขั้นเซลล์มีการกลายพันธุ์ หรือมีโอกาสเป็นมะเร็ง

หลังการทำกัวซาอาจมีอาการเจ็บปวดกล้ามเนื้อ หรืออ่อนเพลีย ครั่นเนื้อครั่นตัว จะค่อยๆ ดีขึ้นใน 1-2 วัน แต่ถ้ารู้สึกว่าปวดมากก็สามารถรับประทานแก้ปวดได้ แต่หากมีอาการไข้สูง เจ็บปวดกล้ามเนื้ออย่างรุนแรง แนะนำให้รีบไปพบแพทย์โดยทันที และผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ผู้สูงอายุ ไม่ควรซื้อยารับประทานเอง

วิธีการทำกัวซา

การทำกัวซาเริ่มต้นด้วยการทาน้ำมันลงบนผิวหนังบริเวณที่มีอาการ จากนั้นใช้อุปกรณ์กัวซาที่มีลักษณะโค้งมน ผิวเรียบ เป็นก้อนหรือเป็นแผ่นบาง ซึ่งทำมาจากวัสดุหลากชนิด เช่น เซรามิก หยก ไม้ หรือเขาสัตว์ นำไปกดและขูดผิวบริเวณนั้นเป็นจังหวะสั้นยาวซ้ำ ๆ เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนเลือดของเนื้อเยื่ออ่อน ส่วนมากนิยมทำกัวซาบริเวณลำคอ แขน แผ่นหลัง ก้น สะโพก และขา หรือบางคนอาจทำที่ใบหน้า โดยเชื่อว่าอาจช่วยให้ผิวกระชับขึ้น

วิธีการทำกัวซา

ประโยชน์ของกัวซา

แม้ปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ที่สามารถระบุกลไกของกัวซาที่อาจส่งผลดีต่อสุขภาพ แต่มีการศึกษาบางส่วนได้กล่าวถึงประโยชน์ของกัวซาไว้ ดังนี้

1.ขับพิษร้อนในร่างกาย ช่วยลดอาการปวดหัวตัวร้อน เป็นไข้เป็นหวัด ไอเรื้อรัง

2.คลายกล้ามเนื้อที่เครียดตึง ปวดกล้ามเนื้อ ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดบริเวณ ซึ่งอาจช่วยบรรเทาอาการปวดได้ และไม่เกิดผลข้างเคียง

3.กระตุ้นเซลล์โดยการเพิ่มออกซิเจน และระบายของเสียในเซลล์ กระตุ้นระบบเมตาบอลิซึ่มของร่างกาย ช่วยระบบหมุนเวียนโลหิตดีขึ้น

4.การตรวจสอบความผิดปกติของอวัยวะภายใน

4.ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย

6.ทำให้ร่างกายแข็งแรง ลดโอกาสการเกิดโรคต่าง ๆ ค้นพบสาเหตุของโรคได้ง่าย

7.เสริมความงาม ชะลอความแก่

8.เต้านมคัดหลังการตั้งครรภ์ กัวซาอาจมีประสิทธิภาพบรรเทาอาการเต้านมคัดของผู้หญิงที่เพิ่งคลอดบุตร โดยเฉพาะเมื่อทำกัวซาพร้อมด้วยการพยาบาลดูแลตามมาตรฐาน

9.ไวรัสตับอักเสบบี เป็นการติดเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งก่อให้เกิดการอักเสบของตับ กัวซาอาจลดการอักเสบตับเรื้อรัง เข้าการรักษาด้วย กัวซา หลังจาก 48 ชั่วโมง พบว่าเอนไซม์มีจำนวน 

ผลข้างเคียงของการทำกัวซา

กัวซาที่มีความปลอดภัยหากทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในสถานพยาบาลที่สะอาดเหมาะสม อย่างไรก็ตาม วิธีการทำกัวซาใช้อุปกรณ์กดและขูดตามร่างกาย จึงอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ เช่น

1.เกิดรอยช้ำตามผิวหนัง ซึ่งรอยช้ำจะดีขึ้นและหายไปในเวลา 2-3 วัน แต่หากเป็นรอยฟกช้ำร่วมกับมีอาการปวด มีไข้ หรืออาการไม่ดีขึ้น ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจรักษา

2.ผิวไม่เรียบ มีรอยหยักหรือรอยบุ๋ม

3.มีเลือดออกเล็กน้อย สำหรับผู้มีผิวแห้งมาก และไม่ได้ใช้ตัวประสานในการทำกัวซา

4.อาจมีอาการเจ็บปวดกล้ามเนื้อในผู้ที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย

5.รู้สึกอ่อนเพลีย ครั่นเนื้อครั่นตัวจากการอักเสบที่เกิดขึ้นในร่างกาย

ข้อควรระวังในการทำกัวซา

ข้อควรรู้ก่อนการตัดสินใจทำกัวซา

ก่อนตัดสินใจทำกัวซา เลือกสถานพยาบาลทำกัวซาโดยแพทย์ฝังเข็มหรือผู้ประกอบโรคศิลป์ที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น เพื่อความปลอดภัย ลดความเสี่ยงการเกิดแผลฟกช้ำ อาการปวดอย่างรุนแรงหลังทำกัวซา และผู้ที่มีโรคประจำตัว มีอาการป่วยอย่างเรื้อรังหรือรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำกัวซาเสมอ เพราะกัวซาอาจทำให้ผลข้างเคียง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้รับปราะทานยาละลายลิ่มเลือด การแข็งตัวของเลือดผิดปกติ เกล็ดเลือดต่ำ ภูมิคุ้มกันบกพร่อง และเพิ่งผ่าตัดในช่วง 6 สัปดาห์ที่ผ่านมา

กัวซา เป็นวิธีการบำบัดด้วย การกระตุ้นจุดเส้นลมปราณ และการทายารักษาที่ผิวภายนอก รวมกันไปในคราวเดียวกัน เพื่อช่วยในการขับพิษ กัวซาจะช่วยกระตุ้นการหมุนเวียนของโลหิตใต้ผิวหนังเปิดรูขุมขน ผลัดเซลล์เก่าสร้างเซลล์ใหม่ ขับพิษทางเหงื่อ และอวัยวะภายในได้รับการบำรุงเลี้ยงจากโลหิตอย่างเต็มที่ ทำให้ร่างกายมีการปรับสมดุล ช่วยฟื้นฟูสมรรถนะของระบบภูมิต้านทานโรคให้แข็งแรง 

อาการเป็นไข้ตัวร้อน ปวดเมื่อ หรือชาตามร่างกาย ปวดประจำเดือน อวัยวะภายในทำงานไม่ปกติ อาการเล่านี้ทำกัวซาแล้วได้ผลดีที่สุด 

การบำบัดกัวซา ใช้อุปกรณ์น้อยชิ้นไม่มีเข็ม ไม่มีแผล ไม่ต้องผ่าตัด เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจและเหมาะสำหรับคนที่กลัวเข็มเป็นอย่างมาก มีความปลอดภัย แต่ก็ต้องมีการพิจารณาและศึกษาข้อมูลให้ละเอียดก่อนที่จะตัดสินใจเลือกทำ และควรปรึกษาแพทย์เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้อง

 

Back To Top